เมื่อได้ยินว่าเป็นสารลับจากเจ้าสิบสี่แล้ว ดวงตาของฮ่องเต้ฉินก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขารับสั่งอย่างดีใจว่า “รีบส่งมา!”
หัวหน้ากิจการพระราชวังรีบรับสารลับจากมือของทหารม้ามาอย่างระมัดระวัง แล้ววิ่งเหยาะๆมามอบให้กับฮ่องเต้ฉิน ฮ่องเต้ฉินรีบเปิดจดหมายออกอย่างอดใจไม่ไหว แล้วอ่านอย่างตั้งใจ
ภายในจดหมายของฉินเหยียนได้เขียนไว้ว่า “ท่านพ่อ เป็นไปดั่งที่ปรารถนา ข้าและพี่ชายใหญ่รวมถึงพี่เจ็ดได้ร่วมใจกันนำกองทัพทำศึกสงครามกับกองทัพอาณาจักรจ้าว สามารถยึดครองด่านถงกวานและเปิดประตูอาณาจักรจ้าวได้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่กองกำลังอาณาจักรจ้าวนั้นแข็งแกร่งและไม่อาจหยุดยั้งได้ กองกำลังอาณาจักรฉินของเราด้อยกำลังกว่า หากต้องการจะครองชัย ลูกและเหล่าแม่ทัพทั้งหลายได้หารือกลยุทธ์ว่าจะทำการตอบโต้ด้วยการเฝ้าระวัง”
“ด่านถงกวานถือเป็นประตูแห่งอาณาจักรจ้าว เมื่อเปิดประตูแล้วอาณาจักรจ้าวจะต้องไม่ละความพยายามในการยกกองทหารเพื่อแย่งชิงด่านถงกวานคืนเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ และพวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะยึดคืนได้”
“ลูกได้สร้างป้อมปราการในด่านถงกวานและด้านหน้าหุบเขาซวงจื่อ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศที่โจมตียากกว่าเฝ้าระวัง ตราบใดที่สามารถเฝ้าระวังเวิ่งเฉิงไว้ได้ อาณาจักรจ้าวจะล้มตายต่อไปอย่างต่อเนื่องพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อถึงตอนนั้นกลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ย ทำการปกป้องแทนการโจมตีเพื่อลดกำลังของอาณาจักรจ้าวลง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วก็เคลื่อนทัพไปทางทิศตะวันออกเพื่อบุกโจมตีในฐานศัตรู จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
“ตั้งแต่ที่ไท่ฟู่มาถึงยังแนวหน้าเพื่อดูแลกองทหาร ก็ได้ขึ้นบัญชาการด้วยตนเอง จับแพะชนแกะ ทำตัวเป็นสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ เขาใช้สถานะที่เป็นราชครูและความน่าเกรงขามของท่านพ่อ ในการสั่งการแนวหน้าอย่างซี้ซั้ว”
“เขายังได้ใส่ร้ายผู้อื่นไปทั่ว กล่าวหาลูกและเหล่าแม่ทัพแห่งอาณาจักรฉินที่สู้สุดตัวอย่างผิดๆ กล่าวหาพวกข้าว่าไม่เชื่อฟังและละเมิดเจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”
“แม้เมื่อสงครามกำลังจะเริ่มต้น เขายังได้ดูหมิ่นต่อว่าเหล่าทหารอย่างไม่ไยดี จนทำให้ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารลดลงอย่างมาก โชคดีที่ลูกได้เพิกเฉยต่อเขา ปฏิเสธการปฏิบัติและคำบัญชาซี้ซั้วของเขา จึงไม่ทำให้เกิดเรื่องสลดครั้งใหญ่ขึ้น”
“ท่านพ่อ ลูกและเหล่าทหารยืนหยัดปกป้องประตูเมืองอยู่แนวหน้า ทุ่มสุดกำลังสุดชีวิตเพื่ออาณาจักรฉิน อุทิศตนต่อหน้าที่ เต็มใจยอมสละชีพในสนามรบได้ จงรักภักดีมาโดยตลอด แม้พวกข้ามิได้ตายในสนามรบ แต่ก็เกือบจะตายเพราะการบัญชาซี้ซั้วของไท่ฟู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านพ่อทรงมีปรีชาญาณ โปรดให้ความยุติธรรมแก่พวกลูกด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เดิมทีทั้งพระราชสำนักกำลังยินดีกับข่าวดีที่แผนการสำเร็จอย่างราบรื่น สามารถยึดเมืองหลวงของอาณาจักรจ้าวได้
แต่เมื่อองค์ชายสิบสี่ฉินเหยียนได้กล่าวถึงการจัดวางกลยุทธ์แล้ว ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างก็รู้ดีแก่ใจว่าแผนการของพวกเขาไร้เดียงสาเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นไท่ฟู่ทำงานให้กับฮ่องเต้ฉิน การไปแนวหน้าพร้อมพระราชโองการเช่นนี้ เขาจะต้องวางมาดอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนี้ มันก็ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า การปรับตัวพิจารณาลักษณะพิเศษจำเพาะของสถานการณ์ และประเมินการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ การมองสถานการณ์หลักเพื่อเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น กลยุทธ์การโต้ตอบด้วยการเฝ้าระวังถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด มันมีประสิทธิภาพมากกว่าการบัญชาการอย่างไม่ลืมหูลืมตาขณะเลือดร้อนมาก
ฮ่องเต้ฉินพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “คำร้องเรียนของไท่ฟู่มาถึงแล้วสินะ ข้าให้เขาไปบัญชาการที่แนวหน้าเพื่อให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่สร้างเรื่อง อ่านซะ!”
“พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้ากิจการพระราชวังเปิดจดหมายด่วนของไท่ฟู่ออกแล้วอ่านเสียงดังว่า
“ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมในแนวหน้า ทรงลำพองตน เย่อหยิ่งฟุ่มเฟือยลามกอนาจาร ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่สนใจกฎระเบียบ ไม่เคารพผู้อาวุโสกว่า เพิกเฉยฝ่าบาท เอาแต่ดื่มดินเล่นสนุกอยู่แนวหน้า ไม่เห็นความสำคัญของกฎระเบียบทหารเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ข้าผู้มีสถานะเป็นไท่ฟู่ เป็นราชครู นำพระราชโองการมามอบให้แก่องค์ชายสิบสี่ แต่เขากลับไม่กระทำตาม อีกทั้งยังได้พูดจาโอหัง และกล่าวว่าเมื่ออยู่นอกอาณาจักรแล้วคำสั่งของฝ่าบาทมิต้องเคารพก็ได้”
“ข้าพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้องค์ชายสิบสี่ทำตามกฎระเบียบ อย่าทำตัวหยิ่งยโสโอหังเพียงได้รับความโปรดปราน แต่คาดไม่ถึงว่าองค์ชายสิบสี่จะยิ่งหนักข้อขึ้น เขาได้ข่มขู่ข้าและชักดาบใส่ข้า! ข้าได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้อุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือให้องค์ชายสิบสี่บุกไปยังทางตะวันออกเพื่อยึดครองเมืองหลวงอาณาจักรจ้าวได้ในคราวเดียว แต่องค์ชายสิบสี่ไม่เพียงจะไม่รับฟังเท่านั้น ยังได้พูดจาโอหัง กล่าวคำเหลวไหลที่ร้ายแรง!”
“ฝ่าบาท องค์ชายสิบสี่ไม่เห็นความสำคัญของกฎระเบียบ ไม่เคารพผู้อาวุโสและฝ่าบาทเช่นนี้ จะต้องมีแผนกบฏแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ โปรดทรงลงทัณฑ์องค์ชายสิบสี่อย่างรุนแรง เพิกถอนตำแหน่งอ๋องของเขา และส่งเขากลับไปยังเมืองหลวงเพื่อตรวจสอบการกระทำของเขาอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการเพาะพันธุ์ความชั่วร้ายพ่ะย่ะค่ะ!”
บทความยาวละเอียดนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการทำให้ฉินเหยียนดูแย่อย่างที่สุด ไม่มีการพูดถึงเรื่องของสงคราม ทั้งเนื้อหานี้กล่าวถึงเพียงองค์ชายสิบสี่นับครั้งไม่ถ้วน ว่าเขาเพิกเฉยต่อหน้าที่อย่างไร และเหลวไหลอย่างไรบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...