องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 168

เสียงของหัวหน้ากิจการพระราชวังที่ทำการอ่านเสียงดังยิ่งอ่านยิ่งสั่นคลอน เมื่อครู่นี้ฝ่าบาทเพิ่งจะชื่นชมองค์ชายสิบสี่ว่าเป็นผู้มีความสามารถล้นหลาม เป็นที่พึ่งของอาณาจักรแท้ๆ แต่สุดท้ายไท่ฟู่กลับฟ้องร้องเช่นนี้ นี่เป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฝ่าบาทชัดๆเลยไม่ใช่รึไง

อีกอย่างองค์ชายสิบสี่เป็นถึงโอรสของฝ่าบาท แม้ราชครูจะได้รับความเคารพจากผู้คนมากมาย มีบุญคุณการสั่งสอนต่อฮ่องเต้ฉินก็ตาม แต่อย่างไรเลือดย่อมเข้มกว่าน้ำ แม้แต่เสือร้ายยังไม่กินลูกของตนเลย แล้วจะมีบิดาคนไหนที่จะเข้าข้างผู้อื่นมากกว่าลูกของตนเองกัน

ทันใดนั้นบรรยากาศของพระราชสำนักก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันที เหล่าขุนนางต่างพากันก้มหน้าก้มตาไม่กล้าพูดอะไร

ฮ่องเต้ฉินสีหน้ามืดมน เขาข่มความเดือดดาลในใจเอาไว้แล้วตะคอกว่า “หึ ไท่ฟู่แก่ชราแล้วจริงๆ ทั้งที่ไม่เคยยืนบนสนามรบมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าพูดคุยถึงสงครามบนกระดาษเสียได้ แถมยังกล้าชี้แนะบนสนามรบอย่างอ้อมไปอ้อมมาอีก นี่เขาคิดว่าแค่อ่านตำราพิชัยสงครามจะสามารถเอาชนะมาได้งั้นรึ ไร้สาระจริงๆ!”

เหล่าขุนนางในพระราชสำนักต่างรีบคุกเข่าลงอย่างรู้หน้าที่อย่างมาก และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ! โปรดรักษาร่างกายอันล้ำค่าด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินตบโต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้นพร้อมพูดว่า “เอาเถอะ เขาอยู่แนวหน้าต่อไปก็มีแต่จะก่อกวนเสียเปล่า ส่งคำสั่งของข้าไปทันที รับสั่งให้ไท่ฟู่กลับเมืองหลวงทันที!”

เมื่อสิ้นเสียงแล้วก็ได้เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

เหล่าขุนนางต่างพากันโค้งตัวคำนับ “ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ!”

......

ด่านถงกวาน ในเวิ่งเฉิง

ไท่ฟู่เดินไปเดินมาอยู่ในเต็นท์ไม่หยุด เขานับนิ้วคำนวณแล้วขมวดคิ้วพูดพึมพำว่า “เอ๊ะ ตามหลักแล้วสาส์นร้องเรียนองค์ชายสิบสี่น่าจะส่งไปถึงฝ่าบาทแล้วนี่ เหตุใดจึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆนะ?”

และในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ฉินเหยียนก็ได้มาหาเขาโดยไม่บอกกล่าว ทำให้ไท่ฟู่ตกใจอย่างมาก

ไท่ฟู่ตบหน้าอกของตนเองแล้วทำแสร้งทำเป็นนิ่งเฉยพร้อมพูดว่า “จะ เจ้ามาทำอะไร?”

ฉินเหยียนมองท่าทีลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกของไท่ฟู่แล้วจึงพูดหยอกล้อว่า “อ้าว ข้ามาแล้วทำให้เจ้าตกใจมากถึงเพียงนี้เชียว นี่เจ้าทำเรื่องน่าละอายใจไปใช่ไหม”

สายตาของไท่ฟู่ว่อกแว่ก เขาพูดเสียงเย็นชาว่า “ข้ากระทำเรื่องต่างๆอย่างตรงไปตรงมา จะทำเรื่องน่าละอายใจได้อย่างไร แต่เจ้าเถอะ อยู่ดีๆมาหาข้ามีอะไรรึไง?”

ฉินเหยียนเองไม่ถามอะไรมากความ แม้จะไม่เห็นว่าไท่ฟู่เขียนอะไรไว้ในสาส์น แต่ต่อให้ใช้นิ้วเท้าคิดก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร ที่มาก็ไม่ได้มาเพื่อถามหาความผิด ฉินเหยียนพูดตรงๆว่า “แน่นอนว่ามาหาเจ้า ไม่รู้ว่าคืนนี้ไท่ฟู่มีเวลาดูการแสดงสนุกๆกับข้าหน่อยรึไม่?”

ไท่ฟู่เหลือบมองฉินเหยียนแล้วถามกลับว่า “เจ้ามีแผนอะไรอีก?”

ฉินเหยียนยิ้มอ่อน “เดี๋ยวเจ้ามาแล้วก็รู้เอง”

......

ยามค่ำคืน

ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าฉินเหยียนจะถ่ายทอดสิ่งสำคัญในการต่อสู้ ทุกคนก็ดีใจกันอย่างมาก ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อ๋องเหยียนโปรดสั่งสอนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินเหยียนพูดอย่างมั่นใจว่า “วันนี้ข้าจะพูดให้พวกเจ้าเข้าใจเอง ว่าสิ่งใดคือการตอบโต้ด้วยการเฝ้าระวัง เพื่อเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็น”

ด้วยสายที่รอคอยของทุกคน ฉินเหยียนก็ได้เริ่มพูดอย่างฉะฉานว่า “การต่อสู่นั้นมีสิ่งสำคัญเพียงสามประการ นั่นคือเวลาที่เหมาะสม สถานที่ และผู้คน”

“พวกเราอยู่ในด่านถงกวาน เราสามารถใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศของที่นี่ ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายที่สุด ทุกคนจงดู ภูมิประเทศบริเวณใกล้เวิ่งเฉิงนี้เรียกว่าการเฝ้าระวังง่ายกว่าการบุกโจมตี ตราบใดที่เราอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะมีศัตรูมาเท่าไร รับรองว่าพวกเขาจะไม่ได้มีชีวิตกลับไป”

ไท่ฟู่มีท่าทีที่เหยียดหยามแล้วพูดประชดว่า “เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าที่จะสอนเหล่าแม่ทัพมากประสบการณ์ทำสงครามเสียจริงนะ พูดจาโอ้อวดไม่รู้จักละอายสอนจระเข้ว่ายน้ำชัดๆ”

แต่เหล่าแม่ทัพล้วนรู้สึกว่าสิ่งที่อ๋องเหยียนกล่าวนั้นมีเหตุผลอย่างมาก เพียงแค่ฟังคำของผู้รู้เพียงครั้งเดียวก็จะได้รับผลประโยชน์มากมาย ทุกคนต่างพยักหน้าแล้วตั้งใจฟังอย่างมาก

“นักล่าที่เก่งกาจมักเผยตัวออกมาในรูปแบบเหยื่อ ความหมายของประโยคนี้คือ บางคนแสร้งทำเป็นอ่อนแอไร้กำลัง มีคนมากมายเห็นว่าเขาเป็นเหยื่อของตนเอง”

“แต่หารู้ไม่ว่าผู้มีความสามารถคนนี้ต่างหากที่เป็นนักล่าที่แท้จริง เมื่อเจ้าเข้าใกล้เขาแล้วลดการป้องกันลง เขาจะโจมตีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำให้เจ้าต้องพ่ายแพ้ไปในพริบตา”

“หากต้องการเป็นนักล่าที่สุดยอด อย่างอรกเจ้าต้องเรียนรู้การมีคุณสมบัติของเหยื่อเสียก่อน เรียนรู้ที่จะเก็บความสามารถของตนเอาไว้อย่างเหมาะสม เพราะบางทีการที่ผู้แข็งแกร่งแสร้งทำเป็นอ่อนแอ จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ เข้าใจรึยัง!”

ทันใดนั้นเองหน่วยสอดแนมก็ได้เข้ามารายงานทันทีว่า “อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ กองทัพอาณาจักรจ้าวปรากฏตัวที่ทางทิศตะวันตกระยะห้าไมล์พ่ะย่ะค่ะ คาดว่าอีกหนึ่งชั่วโมงจะมาถึงเวิ่งเฉิงพ่ะย่ะค่ะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์