ฉินเหยียนพยักหน้าอย่างใจเย็น ราวกับว่ามันอยู่ในการคาดเดาของเขาไว้หมดแล้ว แต่คนอื่นๆกลับไม่ได้สงบใจได้อย่างเขา องค์ชายเจ็ดฉินอวี่พูดอย่างกระวนกระวายว่า
“แย่แล้ว อีกไม่ถึงห้าไมล์ก็จะบุกโจมตีแล้ว จะทำอย่างไรดี!”
องค์ชายใหญ่ฉินชงรีบพูดเสียงดังว่า “เรียกรวมตัวกำลังคนและม้า เตรียมออกรบ!”
เมื่อพูดดังนั้นเขาก็นำเหล่าทหารเดินลงไปยังกำแพงเมือง แต่กลับถูกฉินเหยียนห้ามเอาไว้
“อย่าร้อนใจไปสิพี่ชายใหญ่ การแสดงเพิ่งจะเริ่มเปิดม่านเองนะ”
แม้ว่าองค์ชายใหญ่ฉินชงจะไม่รู้ว่าฉินเหยียนคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่เขารู้ว่าฉินเหยียนไม่ใช่ผู้ที่จะเอาชีวิตของทุกคนมาล้อเล่น เขาจึงไม่ได้โต้กลับ และคอยดูการแสดงใหญ่ที่ว่าอย่างเชื่อฟัง
แต่ไท่ฟู่ไม่คิดจะฝากชีวิตไว้กับองค์ชายที่ดูไร้ความสามารถในสายตาเขาหรอกนะ จึงได้รีบพูดอย่างกังวลใจว่า
“จนเข้าตาจนแล้วยังจะดูการแสดงอะไรอีก กองทัพอาณาจักรจ้าวใกล้จะบุกโจมตีแล้วแต่เจ้ายังไม่ทำการป้องกัน เจ้าอยากตายก็อย่าพาพวกเราตายด้วย!”
จากนั้นก็ยืนบัญชาการกองทัพอยู่บนกำแพงเมือง “ข้าคือไท่ฟู่ คือราชครู ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าเคลื่อนทัพสู้กับกองทัพอาณาจักรจ้าว!”
ทหารหนึ่งขบวนมีแม่ทัพหนึ่งนาย ตั้งแต่ที่ฉินเหยียนใช้วิชาอสนีบาตเอาชนะอาณาจักรจ้าวได้สองครั้งแล้ว เหล่าแม่ทัพทั้งหลายก็ได้นับถือฉินเหยียนเป็นพระเจ้าแล้ว อีกทั้งในวันปกติอ๋องเหยียนยังเห็นพวกเขาเป็นสหายด้วยใจจริง ใช้ใจแลกใจ เหล่าแม่ทัพเชื่อฟังคำสั่งของฉินเหยียนอย่างหมดใจ
ยิ่งไปกว่านั้นไท่ฟู่ยังเป็นผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในสนามรบด้วย เข้าใจเพียงตำราพิชิตสงครามในหนังสือเท่านั้น คิดจะมาออกคำสั่งให้พวกเขาทำตามใจงั้นรึ ฝันไปเถอะ เหล่าแม่ทัพไม่เคลื่อนไหวตามเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขาทำหูทวนลมต่อคำสั่งของไท่ฟู่
เมื่อไท่ฟู่เห็นว่าเหล่าแม่ทัพไม่เคลื่อนไหวก็ยิ่งเดือดดาลยิ่งขึ้น และได้ด่าทอทุกคนว่า “พะ พวกทหารหยิ่งพยองและดุร้าย บังอ่านไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า รอกลับไปยังพระราชสำนักแล้วข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทให้หมด!”
ฉินเหยียนทำเสียงเย็นชา “พวกเขาล้วนเป็นทหารของข้า เหตุใดต้องฟังคำของเจ้าด้วย เจ้าเห็นตัวเองสำคัญเกินไปรึไม่”
จากนั้นก็ได้ออกคำสั่งต่อเหล่าแม่ทัพว่า “ทุกคน รอตามคำสั่ง!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เหล่าแม่ทัพตอบกลับเสียงดังสนั่นราวกับจงใจยั่วโมโหไท่ฟู่
ไท่ฟู่โกรธจนใบหน้าแดง ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แม้แต่ทหารเล็กๆพวกนี้ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา กล้าไม่ฟังคำสั่งของเขา พวกข้าราชบริพารที่ติดตามฉินเหยียนไม่มีทางเรียนรู้อะไรดีๆมาได้ตามที่คิดไว้จริงๆ เขากุมหน้าอกแล้วหายใจแรง
“เจ้าพาข้าขึ้นมาคงไม่ได้อยากให้ข้ามาดูว่าแม่ทัพอาณาจักรจ้าวกวาดล้างพวกเจ้าอย่างไรหรอกนะ!”
ฉินเหยียนยิ้มบางๆ “อัครเสนาบดีจ้าวช่างมีความกล้าเหลือเกินนะ แต่ทว่าคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ”
จ้าวฉี่หมิงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดอย่างอวดดีว่า “เป็นแค่พวกขี้ขลาดตาขาวแท้ๆ ยังคิดจะต่อสู้กับอาณาจักรจ้าวของเราอีกนะ ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวจริงๆ”
ฉินเหยียนไม่โกรธคำประชดประชันของจ้าวฉี่หมิง แต่กลับหัวเราะ “วันนี้จะทำให้เจ้าตาสว่างเอง”
เมื่อสิ้นเสียงหน่วยสอดแนมก็ได้รีบเข้ามารายงานอีกครั้ง “อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ กองทัพอาณาจักรจ้าวอยู่ห่างจากเวิ่งเฉิงไม่เกินหนึ่งไมล์แล้ว โปรดบัญชาด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินเหยียนฟังแล้วก็ได้ชะเง้อหน้าไปมองไกลๆ และเห็นว่ากองทัพอาณาจักรจ้าวกำลังมุ่งหน้ามาด่านถงกวานอย่างรวดเร็ว
จ้าวฉี่หมิงเก็บสีหน้าดีใจไม่อยู่และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “กองทัพอาณาจักรจ้าวใกล้ถึงแล้ว พวกเจ้ารอคอยความตายได้เลย!”
ฉินเหยียนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว การแสดงสนุกๆในที่สุดก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว เขาออกคำสั่งว่า “ฟังคำสั่งของข้า เปิดประตูเมืองต้านรับกองทัพอาณาจักรจ้าว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...