องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 174

ฉินเหยียนยื่นมือออกไปปิดตาให้หยางจ้ายซิ่น “ขอให้เจ้าเดินทางโดยสวัสดิภาพ”

ชีวิตของแม่ทัพใหญ่อาณาจักรจ้าวจบลงแล้ว

ฉินเหยียนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาลึกๆ ในยุคที่เต็มไปด้วยสงครามเช่นนี้ กาลเวลาสร้างวีรบุรุษ ฉินเหยียนเหยียบศพของทหารอาณาจักรจ้าวนับหมื่น ความเจ็บปวดนั้นยากที่จะสาธยายออกมา เขาไม่ได้หวังให้มีสงคราม ในยุคสมัยเช่นนี้ หยางจ้ายซิ่นคือตัวแทนแห่งยุคสมัย

เมื่อมีสงครามก็ต้องมีความตาย ด้วยเขาเพียงคนเดียวไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันได้ เขาออกคำสั่งด้วยความหนักใจว่า

“กระจายคำสั่งของข้า จัดพิธีศพตามประเพณีของอาณาจักรให้แก่หยางจ้ายซิ่นอย่างใหญ่หลวง!”

เหล่าทหารอาณาจักรฉินต่างสบตากันแล้วพูดอย่างสงสัยว่า

“อ๋องเหยียนพะย่ะค่ะ เหตุใดจึงต้องจดพิธีศพให้คนอาณาจักรจ้าวอย่างใหญ่หลวงด้วยพ่ะย่ะค่ะ เมื่อครู่นี้เขาจะเอาชีวิตของท่านเลยนะพ่ะย่ะค่ะ!”

“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ การฝืนไม่ฉีกร่างเขาแล้วทำลายให้แหลกก็ถือว่าดีต่อเขามากแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ! หากหอกนั้นทำการบาดเจ็บท่านได้ ต่อให้สับเขาเป็นชิ้นๆจนแหลกก็ไม่มีทางดับความเกลียดชังไปได้พ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินเหยียนเข้าใจดีว่าเหล่าทหารต่างเป็นห่วงเขาจากใจจริง แต่ในสนามรบทุกคนล้วนมีผู้บังคับบัญชา แล้วจะแบ่งความถูกผิดอย่างไรกัน ในโลกของอีกา หงส์ขาวถือเป็นบาป

ฉินเหยียนถอนหายใจยาวๆแล้วพูดอย่างหนักใจว่า

“ผู้ที่ยอมตายในสนามรบเพื่ออาณาจักรเช่นนี้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็ควรค่าแก่การยกย่อง เขาเป็นศัตรูที่ควรค่าแก่การนับถือ”

คำพูดเหล่านี้ได้ทำให้เหล่าทหารนับหมื่นต่างก็หวั่นไหว ในฐานะที่เป็นทหารที่สังหารศัตรูในสนามรบ พวกเขาต่างก็ใช้ชีวิตวันต่อวันเช่นเดียวกัน หากมีวันหนึ่งพวกเขาตายในสนามรบต่างแดน จะพบกับศัตรูที่ช่วยเก็บศพของพวกเขารึเปล่า

พวกเขาเงียบสงบไปชั่วครู่ จากนั้นก็พูดขึ้นพร้อมเพรียงกันว่า “รับทราบพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อถึงตรงนี้ การปะทะกันของอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวก็จบลงโดยกองทัพอาณาจักรจ้าวล้มตายกันหมด

ฉินเหยียนยังคงทำใจสงบไม่ได้ เขาเดินอยู่บนกำแพงเมืองด้วยความสลดใจ แต่องค์ชายใหญ่ องค์ชายเจ็ดรวมถึงไท่ฟู่กลับยิ้มอย่างเจิดจ้าอย่างมาก

เดิมทีคิดว่าคงต้องปะทะกันจนต้องนองเลือดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสิบสี่มีความสามารถที่เหนือผู้คน สามารถได้รับชัยชนะมาได้โดยไม่สูญเสียทหารเลยแม้แต่นายเดียว รายงานสงครามศึกครั้งที่สาม อาณาจักรฉินได้รับชัยทั้งสามศึก!

องค์ชายใหญ่ฉินชงรีบวิ่งเข้าไปแล้วพูดด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายว่า “อาณาจักรฉินได้รับชัย ศึกครั้งนี้ทำเอาข้ากระจ่างขึ้นมากยิ่งขึ้นเลย!”

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่เองก็ยกยอว่า “ทั้งหมดก็เพราะการคำนวณอันยอดเยี่ยมของอ๋องเหยียน แถมยังเอาอาวุธล้ำค่าพวกนี้ออกมาด้วย เมื่อมีของพวกนี้ ต่อให้มีกองทัพมาอีกหนึ่งแสนนายก็สามารถฆ่าพวกมันได้จนไม่เหลือซากเลยล่ะ!”

ฉินเหยียนมองทั้งสองคนแล้วยิ้มแต่ไม่พูดอะไร

ไท่ฟู่ยังคงมีท่าทีที่โอหังได้ใจ แถมยังได้ใจจนลืมตัวอีกต่างหาก ราวกับว่าชัยชนะในศึกนี้ได้มาเพราะการชี้แนะของเขายังไงอย่างงั้น

ไท่ฟู่ทำตัวยโสโอหังต่อหน้าของจ้าวฉี่หมิงแล้วพูดว่า “เป็นอย่างไรล่ะ ต่อให้พวกเจ้ามีกองทัพนับแสนแล้วมันยังไง ต่อให้อาณาจักรจ้าวของพวกเจ้ากล้าหาญแล้วยังไงล่ะ? อาณาจักรฉินของเราได้รับชัยชนะมาอีกครั้งโดยไม่เสียกำลังทหารเลยแม้แต่น้อย! ยอมรับเถิดว่าอาณาจักรจ้าวเทียบอาณาจักรฉินไม่ได้! ฮ่าๆๆ!”

จ้าวฉี่หมิงมองไปยังภูเขาศพที่อยู่เบื้องล่างกำแพงเมืองแล้วพึมพำว่า

“ไม่มีทาง อาณาจักรจ้าวของเราไม่มีทางพ่ายแพ้ ไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!”

เมื่อสิ้นเสียงเขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปด้วยความโกรธ

จ้าวจีเอ๋อร์ร้องไห้จนตาบวมไปหมด นางเห็นเหล่าทหารล้มตายต่อหน้า นางเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก และเป็นลมพับไป

หลิวเชียนเชียนพยุงจ้าวจีเอ๋อร์แล้วตะโกนอย่างตกใจว่า “ท่านอ๋อง นางเป็นลมไปแล้วเพคะ!”

ฉินเหยียนเข้าใจจ้าวจีเอ๋อร์ ถูกกระตุ้นมากขนาดนี้ไม่ว่าใครก็ทนไม่ไหว

“พาตัวลงไปแล้วดูแลนางให้ดี”

“เพคะ”

ฉินเหยียนได้สั่งให้ทหารหัวกะทิขังตัวจ้าวฉี่หมิงเอาไว้ จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป เขายืนอยู่บนกแพงเมืองแล้วมองไปยังที่ไกลๆ

ไท่ฟู่กลับมายังค่ายด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาไม่เคยต้องมารองรับอารมณ์เช่นนี้มาก่อน เขาไม่พูดมากความและถือพู่กันขึ้นแล้วลงมือเขียนสาส์นว่าร้ายฉินเหยียน

“เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยโสโอหังเพราะความสามารถของตน ได้ใจเพราะผลงานของตนเอง ไม่เห็นผู้มีอายุมากกว่าในสายตาแถมยังกล้าด่าข้าอีก ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะทำอย่างไร”

ทันทีที่เขียนสาส์นเสร็จแล้วยังไม่หายโกรธ “พระราชโองการมาถึงแล้ว”

ไท่ฟู่รู้สึกดีใจอย่างมาก “พระราชโองการเรื่องฟ้องร้องฉินเหยียนมาได้ทันเวลาจริงๆ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์