องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 190

ไส้ศึกหญิงกะพริบตาปริบๆแล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า

“ท่านอ๋องเพคะ ปกติพวกข้าก็ทานเกลือเช่นนี้ เราอยู่ในแดนแห้งแล้งเช่นนี้ การมีเกลือเช่นนี้ทานก็ถือว่าดีมากแล้วเพคะ”

ฉินเหยียนไม่รู้จะพูดอย่างไร มิน่าจึงมักรู้สึกว่าตั้งแต่ได้ทะลุมิติมาที่นี่มักลิ้มรสอาหารไม่ได้ ด้วยเกลือไร้มาตฐานเช่นนี้ ต่อให้จะใช้วัตถุดิบที่ดีแค่ไหนก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ

“น้ำเกลือแบบนี้ใช้ไม่ได้หรอก ไปเอาเกลือละเอียดมา”

ไส้ศึกหญิงไม่ได้ทำอะไรต่อ เอาแต่ยืนลังเลอยู่กับที่แล้วพูดว่า “ท่านอ๋องเพคะ พวกข้าจะไปใช้เกลือละเอียดได้อย่างไรเพคะ เกลือละเอียดจะมีใช้แค่ในหนานเยว่ที่อยู่ใกล้สมุทรเท่านั้น อาณาจักรฉินถูกล้อมรอบด้วยภูเขา จะมีเกลือละเอียดได้อย่างไรเพคะ”

“แม้แต่เกลือที่ใช้ในพระราชสังเองก็ละเอียดกว่าเกลือของพวกหม่อมฉันเพียงนิดเดียวเท่านั้น ไม่สามารถหาเกลือละเอียดได้จริงๆเพคะ”

ฉินเหยียนเบ้ปาก เขาลืมเรื่องแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน เทคโนโลยีการผลิตเกลือในสมัยโบราณยังไม่ดีนัก การได้ทานเกลือหยาบเช่นนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

“รู้แล้ว พวกเจ้าไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้แล้ว นำน้ำเชื่อมไปให้นางดื่ม เดี๋ยวข้ามา”

จากนั้นฉินเหยียนก็ไปค้นคว้าในห้องครัว เพียงไม่นานเขาก็ได้ยกเกลือละเอียดจานหนึ่งออกมาจากห้องครัว ระหว่างทางเดินกลับไปเหล่าทหารที่เห็นเกลือละเอียดแล้วต่างก็ตกตะลึงกันจนต้องอุทานออกมา

“พระเจ้า เกลือละเอียด!”

“เป็นเกลือละเอียดจริงๆด้วย! ละเอียดเกินไปแล้ว!”

“ให้ตายเถอะ อยู่มานานขนาดนี้ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเกลือที่ดีมากขนาดนี้ อ๋องเหยียนสมแล้วที่เป็นเทพเจ้า!”

เกลือละเอียดครึ่งขีดมีค่าเท่ากับหนึ่งตำลึงทอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นป้อมปราการชายแดนอีก ยิ่งเป็นของที่ต่อให้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้

ฉินเหยียนกลับมาถึงในห้องด้วยเสียงอุทานอย่างตะลึง เมื่อเหล่าหญิงสาวที่ปรนนิบัติจ้าวจีเอ๋อร์เห็นเกลือละเอียดจานใหญ่มากขนาดนั้น ก็มองตาค้างกันทันที แม้แต่จ้าวจือหย่าผู้รอบรู้ที่อยู่ข้างๆเองก็รู้สึกตะลึง

แต่ฉินเหยียนกลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เขาออกคำสั่งว่า “นี่ไงเกลือละเอียด ใช้น้ำอุ่นแช่ให้ละลายซะ”

ไส้ศึกหญิงรีบรับจานที่มีเกลือมาแล้วหยิบใส่ในชาม จากนั้นก็เทน้ำอุ่นลงไป เกลือละเอียดที่อยู่ก้นชามจะละลายไปในน้ำอุ่นทันที

“พระเจ้า ในโลกนี้มีเกลือที่ละเอียดมากขนาดนี้จริงๆรึเนี่ย สุดยอดเกินไปแล้ว!”

ไส้ศึกหญิงอุทานตะลึงเบาๆ แล้วนำน้ำที่ละลายเกลือป้อนให้กับจ้าวจีเอ๋อร์ ด้วยการรักษาของฉินเหยียน จ้าวจีเอ๋อร์ก็ไม่มีความอันตรายถึงชีวิตแล้ว เพียงแค่ต้องรักษาตัวดีๆระยะหนึ่งก็พอ

ฉินเหยียนหันหน้าไปมองจ้าวจือหย่าที่สีหน้าซีดเซียว เขาพูดปลอบโยนว่า

เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้หมายถึงฉินเหยียน นางไม่เชื่อว่าฉินเหยียนจะมีเมตตาถึงเพียงนั้น ก่อนหน้านี้เขายังออกคำสั่งต่อองค์หญิงสามเยี่ยงทาส ใครจะรู้ว่าตอนนี้เขามีแผนอะไรอีก หากนางดูแลจ้าวจีเอ๋อร์ด้วยตนเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถป้องกันได้ และสามารถปกป้องความปลอดภัยของจ้าวจีเอ๋อร์ได้ด้วย

ฉินเหยียนรู้ว่าหยางจิ่นซิ่วไม่เชื่อใจเขาจึงไม่ฝืนต่อไป เขาให้เหล่าทหารหัวกะทิถอยไปแล้วพูดอย่างจริงจังว่า

“แล้วแต่เจ้า งั้นเจ้าก็มาดูแลนางเถิด”

หยางจิ่นซิ่วจ้องฉินเหยียนเขม็งแล้วพูดอย่างโหดร้ายว่า “บอกให้คนของเจ้าถอยไปซะ อย่ามาเข้าใกล้ข้า!”

เมื่อสิ้นเสียงนางก็เดินเข้าห้องไปทันที เมื่อนางเห็นเสื้อผ้าของจ้าวจีเอ๋อร์มีเลือดเปื้อนอยู่ หยางจิ่นซิ่วก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น นางนั่งอยู่นั่งที่นอนแล้วกุมมือของนางเอาไว้เบาๆ จากนั้นก็สะอื้นเสียงเบาว่า

“เป็นเพราะข้าแท้ๆถึงทำให้เจ้าต้องทรมานถึงเพียงนี้ วางใจเถิด ตราบใดที่มีข้าอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องทุกข์ใจอีกแล้ว”

นางสาบานในใจว่าจะต้องเอาคืนฉินเหยียนให้ได้! ขณะนี้ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงแล้ว

ฉินเหยียนสั่งให้ทุกคนถอยไป นางหวนนึกถึงเลือดของจ้าวจือหย่าที่เข้ากับกรุ๊ปเลือดจ้าวตีเอ๋อร์ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา มันไม่มีทางเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน จะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ

เมื่อคิดดังนั้นแล้วก็ได้ผสมน้ำเกลือและน้ำเชื่อม จากนั้นก็ยกไปยังห้องพักของจ้าวจือหย่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์