เหล่าชาวเมืองได้ยินเสียงตะโกนของบริกรร้านเหล้าแล้วก็ได้กรูเข้ามาอย่างสนอกสนใจ
“สิบอีแปะหนึ่งจอกงั้นรึ อย่าหาว่าโม้เลย ปกติข้าดื่มน้อยสุดสิบจิน แล้วหนึ่งจอกจะไปพออะไร!”
บริกรร้านเหล้าโต้กลับว่า “ที่เจ้าได้ดื่มนั่นคือสุราของคนธรรมดา ส่วนที่ท่านอ๋องกลั่นคือสุราเทพเจ้า อย่าว่าแต่สิบจินเลย แค่จอกเดียว หากเจ้ายังสามารถยืนคุยกับข้าได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว!”
ชาวเมืองที่พูดเมื่อครู่นี้ไม่พอใจจึงได้พูดอย่างรั้นว่า “โห ด้วยนิสัยรุนแรงของข้า ข้าไม่เชื่อจริงๆ หนึ่งจอกถ้าสามารถล้มข้าได้สิแปลก! นี่เงิน เอามาสักจอก!”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ได้จ่ายเงินไปในมือของบริกรสิบอีแปะ “ได้เลย!”
บริกรรับเงินมาแล้วเปิดถังเหล้าออก กลิ่นเหล้าหอมโชยออกมาฟุ้งกระจายไปไกล เขาตักเหล้าออกมาหนึ่งช้อนแล้วยื่นให้แก่ชาวเมืองที่พูดเมื่อครู่นี้
คนๆนั้นรับจอกเหล้ามาแล้วคุยโม้ว่า “ชิ ก็แค่จอกเล็กๆแค่นี้ เมาสิแปลก!”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ถือจอกเหล้าขึ้นมาแล้วดื่มจนหมด “อึก”
ชายคนนั้นแยกเขี้ยวยิงฟัน มันเผ็ดร้อนอย่างมาก ดวงตาของเขาเบลอ แล้วพูดว่า “เป็นเหล้าดีจริงๆ!”
เมื่อสิ้นเสียงร่างของเขาก็หงายหลังลงไปทันที “ตุบ” เขาล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็มีเสียงกรนดังสนั่นขึ้น
ชาวเมืองที่ล้อมรอบเพื่อดูความสนุกก็ได้ชี้ไปยังคนที่นอนหลับอยู่กับพื้นคนนั้นแล้วเยาะเย้ยว่า
“คนหนุ่มนี่ดีจริงๆ หงายหลังแล้วหลับทันทีเลย!”
“คออ่อนขนาดนี้ยังกล้าคุยโม้อีกนะ!”
“ฮ่าๆๆ นี่โม้จนนอนกรนไปเลย!”
และก็มีคนที่ไม่พอใจแล้วพูดว่า
“จอกเดียวก็ล้มลงงั้นรึ มันจะเกินไปแล้ว ข้าเอาจอกหนึ่งด้วย!”
บริกรรับเงินมาแล้วยื่นเหล้าจอกหนึ่งให้คนๆนั้น คนๆนั้นรับมาแล้วดื่มหมดคราวเดียวอย่างเคยชิน ยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ได้ล้มพับนอนหลับไปเช่นเดียวกับคนเมื่อครู่นี้ นั่นทำให้ทุกคนเกิดความตะลึงกันอย่างมาก
“เหล้านี้สุดยอดขนาดนั้นเลยจริงๆรึ?”
บริกรพูดอย่างภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว สุรานี้จะพบได้เฉพาะในสวรรค์เท่านั้น แล้วในโลกมนุษย์จะได้พบสักกี่ครั้ง เพียงแค่จอกเดียวก็สามารถคลายความกังวลได้!”
เหล่าชาวเมืองต่างร้องตะลึงออกมาและอยากจะมาลิ้มลองเหล้าที่สามารถคลายความกังวลทั้งปวงได้ว่ามีรสอย่างไรกันแน่
“ข้าเอาจอกหนึ่ง!”
“ข้าเองก็จะลองลิ้มลองว่ารสของเหล้าที่เทพเจ้าดื่มมันเป็นอย่างไร!”
ฉินเหยียนยืนอยู่ตรงรั้วห้องใต้หลังคาแล้วมองดูความสงบสุขนี้จากด้านบน ภาพเจริญรุ่งเรือง มีความโล่งใจปรากฏบนใบหน้าของเขาด้วย
บรรยากาศของทางด้านนี้อบอุ่นสงบสุข ท้องฟ้าสดใส แต่อีกด้านหนึ่งกลับครึ้มฟ้าครึ้มฝน พายุฝนโหมกระหน่ำไปทั่ว
......
เมืองหลวงอาณาจักรฉิน
จ้าวชี่ว์ปิ้งสีหน้าไม่พอใจ ยังคงพูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ฮ่องเต้ฉิน อาณาจักรจ้าวของเราคิดถึงมิตรภาพที่มีระหว่างอาณาจักรฉิน จึงส่งข้ามาเจรจา จริงใจอย่างยิ่ง แต่พวกเจ้ากลับเอาแต่จับผิด”
ฮ่องเต้ฉินพูดอย่างสบายใจว่า “ข้าเองก็เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของสองอาณาจักรจึงได้ต้อนรับเจ้าอย่างดี แถมยังยอมให้เจ้าไถ่อัครเสนาบดีอาณาจักรของเจ้ากลับคืนไปได้ด้วยจำนวนถอนทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าด้วยการกระทำของเขา เขาจะยังมีชีวิตถึงตอนนี้งั้นรึ?”
จ้าวชี่ว์ปิ้งอดกลั้นเอาไว้ เขากัดฟันแน่นแล้วพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ฮ่องเต้ฉิน ท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่าที่ข้ามาในครั้งนี้ นอกจากจะมารับอัครเสนาบดีของเราคืนแล้ว ยังมีด่านถงกวาน......”
“เอาเถอะ!”
ฮ่องเต้ฉินตัดบทอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามีความกรุณามากอย่างยิ่งแล้ว แต่หากเจ้าต้องการด่านถงกวานคืน งั้นข้าเองก็ยังคงยืนยันว่า ไม่ขอเจรจา!”
จ้าวชี่ว์ปิ้งกำหมัดแน่น นี่เป็นครั้งที่แปดแล้วที่เขาเจรจากับฮ่องเต้ฉิน ทุกครั้งที่เขาพูดถึงเรื่องด่านถงกวานฮ่องเต้ฉินก็ไม่ยอมลั่นวาจา ไม่ยอมให้เขาได้พูดเลย เขาทนไม่ไหวแล้วจึงได้กัดฟันแล้วพูดว่า
“ฮ่องเต้ฉินไม่กลัวว่าอาณาจักรจ้าวจะระดมทหารนับล้านเข้าโจมตีเมืองหลวงอาณาจักรฉินงั้นรึพ่ะย่ะค่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...