องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 224

ฮ่องเต้ฉินจ้องใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของจ้าวชี่ว์ปิ้งแล้วหัวเราะเสียงดังพร้อมพูดว่า

“หากอาณาจักรจ้าวคิดจะระดมกำลังมาโจมตีอาณาจักรฉินจริง แล้วจะส่งเจ้ามาเพื่อเจรจาทำไมกัน?”

สีหน้าของจ้าวชี่ว์ปิ้งแย่ยิ่งขึ้น ฮ่องเต้ฉินพูดซ้ำเติมเขาต่อว่า

“ใช่ว่าพวกเจ้าไม่อยากยึดด่านถงกวานคืน แต่พวกเจ้าสู้ไม่ไหวจึงได้ใช้แผนนี้ อยากจะไถ่คืนด้วยเงิน!”

จ้าวชี่ว์ปิ้งถูกเปิดเผย เขาพูดด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าเองก็ขอเตือนฮ่องเต้ฉินไว้ ว่าใต้หล้านี้จะยังมีที่ยืนของอาณาจักรจ้าวของข้า สุดท้ายแล้วชัยชนะจะตกเป็นของใครมันก็ไม่แน่หรอกนะ!”

ฮ่องเต้ฉินเผยความดุร้ายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าจะคอยดู!”

การเดินทางมาอาณาจักรฉินในครั้งนี้ ฮ่องเต้ฉินไม่ไว้หน้าจ้าวชี่ว์ปิ้งเลย สุดท้ายก็ไม่ได้ด่านถงกวานคืน ไถ่คืนได้เพียงจ้าวฉี่หมิงคนเดียว ในระหว่างทางกลับอาณาจักรจ้าว อัครเสนาบดีจ้าวฉี่หมิงและจ้าวชี่ว์ปิ้งนั่งอยู่บนรถม้าเดียวกัน ทั้งสองต่างพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า

“บัดนี้อาณาจักรฉินโอหังยิ่งนัก ข้าจะคอยดูว่าพวกมันจะได้ใจถึงเมื่อไร รออาณาจักรจ้าวของข้าพักฟื้นสักหน่อย จะฆ่าพวกมันไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก”

“เมื่อกลับไปแล้วเราจะต้องอย่าทำตัวเด่นเดี๋ยวจะเป็นภัย ในยามที่อาณาจักรฉินเกิดความโกลาหลขึ้น เราจะออกจู่โจมครั้งเดียวในจุดตาย ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ด่านถงกวานเลย ต่อให้เป็นเมืองหลวงของฮ่องเต้ฉินนั่นก็จะแย่งมาด้วย!”

จ้าวชี่ว์ปิ้งรู้สึกสงสัยจึงถามขึ้นว่า “อาณาจักรฉินจะเกิดความโกลาหลรึ? อัครเสนาบดีจ้าวรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

จ้าวฉี่หมิงยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “เจ้าไม่เข้าใจ อาณาจักรฉินยังไม่มีรัชทายาทแต่กลับมีองค์ชายมากมาย ทุกคนล้วนอยากแย่งชิงบัลลังก์ทั้งนั้น ข้าเพียงแค่ใส่ไฟนิดเดียว แต่ละพรรคของอาณาจักรฉินจะต้องล้างสมองกันเองและเกิดความขัดแย้งภายในแน่นอน ญาติดีกันสิแปลก”

จ้าวชี่ว์ปิ้งพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ยังไม่มีการเลือกรัชทายาท จะต้องเกิดความโกลาหลแน่นอน อาณาจักรฉินจะล่มสลายเมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว”

......

ตำหนักหย่างซิน

แพร้ง เสียงแก้วชาสีขาวถูกเขวี้ยงจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

ฮ่องเต้ฉินตะคอกว่า “เจ้าลูกเนรคุณ!”

หัวหน้ากิจการพระราชวังคุกเข่าตัวสั่นอยู่กับพื้น “ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ! เดี๋ยวจะประชวรเอาได้พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินเดินไปเดินมาอย่างเดือดดาล สีหน้าของเขาแดงก่ำ ชี้ไปยังสาส์นแต่ละฉบับที่อยู่บนโต๊ะแล้วด่าอย่างโกรธเกรี้ยว

“เจ้าดูว่าเนื้อความในสาส์นเขียนอะไรไว้ ส่งจดหมายสงครามมาขอเสบียงกับข้าทุกวัน! ข้าแทบจะขนท้องพระคลังให้จนหมดแล้วแต่เขายังไม่พอใจอีก! นี่เขาคิดจะทำอะไร! คิดจะก่อกบฏรึไง!”

หัวหน้ากิจการพระราชวังกังวลความปลอดภัยของฮ่องเต้ฉิน จึงได้ฝืนโน้มน้าวว่า

“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ บางทีการต่อสู้ในแนวหน้าอาจตึงเครียด เสบียงใกล้จะหมดแล้วก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินเตะกระถางธูปในตำหนักหย่างซิน ความเดือดดาลในใจของเขาไม่มีที่ระบาย จึงได้ตะโกนว่า

“ตึงเครียดอะไรกัน! ก็แค่ทำตามอำเภอใจไร้สาระเพราะสร้างความดีความชอบได้เพียงน้อยนิด ได้ใจเพราะได้รับความโปรดปราน! วันๆเอาแต่เร่งขอเสบียง คิดอยากให้ข้ายกบัลลังก์ให้เขาตอนนี้เลยรึไง!”

ฮ่องเต้ฉินโค้งตัวเพื่อระงับความเดือดดาลแล้วถามขึ้นว่า “เจ้ารู้รึไม่ว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวมาวันนี้มันหมายถึงว่าอย่างไร?”

องค์ชายเจ็ดพูดด้วยความชอบธรรมและน่าเกรงขามว่า “ลูกรู้ดี ที่ปกป้องความเป็นธรรมแล้วจัดการกับญาติสนิท นั่นเพราะไม่อาจทนดูพวกเขาทำผิดต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ฉินผิดหวังอย่างมาก เขาถีบฉินอวี่ให้กองกับพื้นแล้วชี้หน้าด่าทอว่า “เจ้าลูกเนรคุณ ปล่อยให้เจ้าออกไปครั้งหนึ่งกลับเรียนรู้การโกหกมาเช่นนี้!”

เขาหยิบสาส์นบนโต๊ะขึ้นมาแล้วโยนใส่องค์ชายเจ็ด

“แล้วยังมาพูดว่าปกป้องความเป็นธรรมแล้วจัดการกับญาติสนิทอีก หากเป็นเพราะทางฝ่ายของพระมารดาของเจ้า แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องงั้นรึ!”

องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ได้เตรียมใจเรื่องที่ฮ่องเต้ฉินจะโกรธกริ้วไว้แล้ว เขาปล่อยให้ฮ่องเต้ฉินระบายอารมณ์โดยไม่หลบเลย เขาอดกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วขดตัวอยู่กับพื้นอธิบายว่า

“ลูกมิได้พูดปดพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อ ลูกไม่ได้พูดปดจริงๆ!”

ฮ่องเต้ฉินโกรธจนขีดสุด เขาตะคอกว่า “เจ้าลูกสารเลว เจ้ามันบ้าไปแล้วจริงๆ!”

“ทหาร มานำตัวลูกเนรคุณนี่ไปขังไว้ให้สงบสติซะ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เหล่าขันทีที่อยู่นอกห้องรีบมาพยุงตัวองค์ชายเจ็ดไปทันที ฮ่องเต้ฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วออกคำสั่งอย่างโกรธกริ้วว่า

“ทหาร เรียกต้าหลี่ซื่อชิงเข้าพบ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์