องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 228

ฉินเหยียนขมวดคิ้วแน่นมากขึ้น เขาพยุงผู้หญิงกับเด็กให้ลุกขึ้นมา

“แม่นาง จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน รีบลุกขึ้นก่อนเถิด!”

ฉินเหยียนพยุงผู้หญิงลุกขึ้นแล้วออกคำสั่งกับทหารองครักษ์ว่า

“มัวรออะไรกันอยู่ รีบไปจำเตรียมอาหารเสื้อผ้าสิ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ทหารองครักษ์ปฏิบัติตาม แต่หญิงสาวกลับหวาดผวาอ่างมาก นางเป็นเพียงชาวเมืองต่ำต้อย จะกล้านับญาติกับท่านอ๋องแห่งอาณาจักรฉินได้อย่างไร จึงพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า

“ท่านอ๋องเพคะ เห็นแก่ความภักดีของสามีของหม่อมฉันที่มีต่ออาณาจักรฉินแล้ว ท่านช่วยเมตตาซื้อลูกสาวของหม่อมฉันไว้ด้วยเถิดเพคะ ข้าเป็นหญิงสาว เพียงแค่ไปทำงานในหอโคมเขียวก็สามารถเลี้ยงชีพต่อได้แล้ว เพียงแต่ลูกสาวที่น่าเวทนาของข้านี้......”

“มิได้!”

ฉินเหยียนตะคอก ทำให้หลี่ซื่อแทบจะคุกเข่าลงอีกรอบ มีชาวเมืองเข้ามารายล้อมมากมาย พวกเขาต่างชี้นินทา ผู้ชายตายแล้ว ผู้หญิงและลูกเองก็ไม่มีที่พึ่งพิง หากอยากจะมีชีวิตต่อไปก็มีเพียงต้องขายร่างกายเท่านั้น

แต่ฉินเหยียนกลับพูดด้วยวาทะเต็มไปด้วยสัจธรรมว่า “แม่นาง สามีของเจ้าอุทิศตนเพื่ออาณาจักรฉิน พวกเจ้าคือภรรยาของเหล่าวีรบุรุษ แล้วข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าไร้ที่ไปได้อย่างไร”

ฉินเหยียนออกคำสั่งต่อหน้าของเหล่าชาวเมืองมากมายว่า “กระจายคำสั่งของข้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกคนที่ได้อุทิศตนเพื่ออาณาจักรฉินจะได้รับเงินบำนาญห้าร้อยตำลึง ส่วนสมาชิกในครอบครัวจะอยู่ภายใต้การดูแลของอาณาจักรฉิน ”

ทุกคนเงียบสงัดไปหมด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะมีคนได้สติกลับมา

“ท่านอ๋องช่างมีความกรุณายิ่งนัก ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”

คนบนท้องถนนเริ่มพากันคุกเข่ากราบกราน ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองหรือข้าราชการต่างก็ขอบพระทัยในความกรุณา หากเป็นเมื่อก่อนคนที่ตายแล้วก็ตายไป ทางข้าราชการมีเงินบำนาญอยู่ แต่ส่วนใหญ่ก็เข้ากระเป๋าของพวกเขา แต่อ๋องเหยียนนั้นต่างออกไป เขาเป็นคนที่คำพูดที่มีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมาก หากเขาบอกว่าจะให้ก็จะให้แน่นอน

อีกทั้งฉินเหยียนได้ออกคำสั่งต่อหน้าทุกคน ครอบครัวของผู้ตายจะได้รับเงินห้าร้อยตำลึง สำหรับชาวเมืองธรรมดาแล้วมันเป็นตัวเลขที่ไม่อาจฝันได้

เมื่อเหล่าทหารได้ยินข่าวแล้วก็รู้สึกอยากจะพลีชีพ ทุ่มเทสติปัญญาเเละความสามารถ ตราบจนชีวิตหาไม่ให้แก่อ๋องเหยียน องค์ชายสิบสี่เหลือเกิน การติดตามผู้เป็นนายเช่นนี้ต่อให้ต้องตายก็ไม่เสียดาย! ไม่เสียใจ!

ฉินเหยียนมิได้ทำวางมาดเท่านั้น แต่เขาต้องการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจริงๆ

“พวกเจ้าทั้งหลาย ไปจัดซื้อที่นาและบ้านเรือนให้แก่ภรรยาและลูกของวีรบุรุษเสีย จือหย่าเจ้ารีบไปจัดสรรเงิน ชดใช้เงินบำนาญให้แก่หลี่ซื่อและส่งเด็กน้อยเข้าเรียนด้วย”

“เพคะ!”

จ้าวจือหย่าที่อยู่ข้างกายเช็ดน้ำตาแล้วรีบพูดว่า “ที่เมืองใหม่ของเรานี้ เมื่อถึงอายุที่ควรเข้าเรียนแล้ว ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็สามารถร่ำเรียนได้ทั้งนั้น!”

หลี่ซื่อรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก โชคดีที่มาที่เมืองใหม่และได้พบกับท่านอ๋องที่ประเสริฐเช่นนี้ หากยังคงอยู่ในเมืองจิงต่อไป เกรงว่านางและลูกคงได้สิ้นใจตายในถิ่นทุรกันดารแล้ว นางย่อตัวทำความเคารพแล้วพูดว่า

“ขอบพระทัยในความกรุณาธิคุณของอ๋องเหยียนเพคะ หม่อมฉันให้สัจจะจะจงรักภักดี และรับใช้ท่านอ๋อง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ......”

ฉินเหยียนโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องมากพิธี ต่อไปในนี้เจ้าและลูกก็อยู่ที่เมืองใหม่อย่างสบายใจเถิด หากมีอะไรต้องการก็บอกได้ตลอด”

จากนั้นฉินเหยียนก็พาเด็กน้อยไปทำขั้นตอนการเข้าเรียน จ้าวจือหย่ามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นและผมที่กระเซิงของหลี่ซื่อ ทันใดนั้นนางก็คิดได้ขึ้นมา นางยิ้มแล้วพูดว่า

“เห็นแก่ความสกปรกของเจ้า มีงานที่เหมาะสมกับเจ้ามากๆอยู่จริงๆ!”

หลี่ซื่อถูมือที่เต็มไปด้วยขี้ฝุ่น นางคิดว่ารังเกียจที่นางสกปรกจึงพูดอย่างเกรงใจว่า “ข้าขอไปชำระล้างสักเดี๋ยวนะเจ้าคะ”

จ้าวจือหย่ารีบพูดทันทีว่า “ไม่! ไม่ต้องล้าง! อย่าล้างเด็ดขาดเลย!”

หลี่ซื่อรู้สึกมึนงง แต่จ้าวจือหย่าก็พูดอย่างหนักแน่นว่า “ห้ามล้าง เป็นเช่นนี้ไปก่อน อีกไม่กี่วันร่างกายที่สกปรกของเจ้าจะมีประโยชน์อย่างมาก!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์