องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 240

ฉินเหยียนเอามือไพล่หลังและพูดอย่างมั่นใจอย่างยิ่งว่า

“สำหรับที่อื่นแล้วของพวกนี้ถือเป็นของที่หาพบได้ยากมาก แต่ในเมืองใหม่แล้วมันเป็นของที่เห็นได้ทั่วไป เพื่อตอบแทนการสนับสนุนของทุกท่าน วันนี้จะลดราคาทั้งหมด คุณภาพสูงและราคาต่ำอย่างแน่นอน คุ้มค่าเงินและไม่มีขีดจำกัดในการซื้อ อยากจะซื้อเท่าไรก็ย่อมได้!”

ทุกคนยิ่งตกตะลึงกันเข้าไปใหญ่ ของดีเช่นนี้แต่กลับมีราคาถูก ต่างก็แย่งกันซื้อ

“ข้าเอาจอกหยกเย่กวังสองร้อยใบ!”

“ข้าเอากระดาษ เอาสามจิน......”

“ข้าเอาเกลือละเอียดสองคันรถ!”

หากทหารหัวกะทิไม่ได้รับหน้าที่เป็นผู้รักษาความปลอดภัยห้ามคนพวกนี้เอาไว้ละก็ เกรงว่าเหล่าพ่อค้าทั้งหลายคงแห่กันมาแย่งกันซื้อตรงหน้าของฉินเหยียนแล้ว ทุกคนต่างแย่งกันพูดจนวุ่นวายไปหมด

ฉินเหยียนตีฆ้องแล้วพูดจัดระเบียบว่า “ทุกคนไม่ต้องร้อนใจไป เริ่มตั้งแต่บัดนี้ ให้แต่ละคนต่อแถวเพื่อลงทะเบียนซื้อ ตราบใดที่มีเงินมากพอ รับรองว่าทุกท่านจะได้รับของกลับไปเต็มรถแน่นอน!”

ปริมาณการซื้อขายของเหล่าพ่อค้าน่าตะลึงอย่างมาก เงินที่นำมาต่างซื้อของไปหมด บางคนที่นำเงินมาไม่พอยังทำการขอยืมเพื่อซื้อของ เพียงคืนเดียวฉินเหยียนก็ได้รับกำไรอย่างล้นหลาม

......

พ่อค้าบางคนเมื่อได้รับของแล้วก็ออกเดินทางทันที เพื่อที่จะได้วางขายของพวกแปลกใหม่พวกนี้ในร้านค้าของตนเองให้เร็วที่สุด แต่ก็มีพ่อค้าที่ไม่รีบร้อนจะออกเดินทาง เดินท่องเที่ยวไปยังท้องถนนอันกว้างขวางของเมืองใหม่ เพื่อสัมผัสความเจริญรุ่งเรืองของเมืองใหม่ วิวทิวทัศน์ที่หรูหรานี้

แต่มีคนมีความสุข ก็ย่อมมีคนทุกข์

ซูปั้นเฉินนอนอยู่บนที่นอนในที่พัก เขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน พอหันไปมองใบหนี้ที่กองอยู่เต็มโต๊ะก็เครียดอย่างมาก บรรยากาศคึกคักเมื่อคืนทำให้เขาไม่สนว่าจะต้องใช้เงินเท่าไร ขอเพียงได้เป็นเป้าสายตา และเป็นพ่อค้าผู้มั่งมีที่มีกำลังและสุดยอดที่สุดก็พอ

เงินที่นำมาด้วยเมื่อซื้อสิทธิ์ในการจำหน่ายน้ำหอมและสบู่แล้วยังคงมีเหลืออยู่ แต่กลับต้องจ่ายให้จ้าวฉี่หมิงอย่างไร้เหตุผลไปหกหมื่นตำลึง

อีกทั้งยังมีเกลือละเอียดที่ซื้อมาในภายหลัง กระดาษ จอกหยกเย่กวัง แจกันแก้ว ค่าใช้จ่ายจิปาถะมากมาย จึงต้องติดหนี้หลายแสนตำลึง นำเงินมาไม่พอจึงต้องให้เขาอยู่ที่นี่เพื่อจำนอง แล้วให้เด็กรับใช้กลับไปเอาเงินมาไถ่เขากลับไป

ซูปั้นเฉินถอนหายใจยาวๆแล้วพูดอย่างเสียใจภายหลังว่า “วู่วามจริงๆ วู่วามจริงๆ! ใช้ทรัพย์สินไปครึ่งหนึ่งเลย ซูปั้นเฉินเอ๊ยซูปั้นเฉิน คราวนี้เจ้าสูญเสียไปครึ่งเมืองแล้วจริงๆ!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงแจ้งจากทหารหัวกะทิดังขึ้นด้านนอก “อ๋องเหยียนเสด็จ!”

ซูปั้นเฉินรีบลุกขึ้นนั่งบนที่นอนทันที เขาขมวดคิ้วแน่น นี่มาทวงหนี้ตั้งแต่เช้าเลยงั้นรึ? เขาไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย รีบลุกขึ้นเพื่อออกไปต้อนรับ และได้คารวะ “อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาดึงซูปั้นเฉินเข้าไปในห้องอย่างกระตือรือร้น

ฉินเหยียนอธิบายอย่างจริงจังว่า “ถ้าให้พูดง่ายๆหน่อยก็คือ เป็นกิจการที่ให้ความสะดวกสบายต่อนักค้าขายทุกคน ข้าจะยกตัวอย่างให้นะ เช่นคราวนี้ที่เจ้ามาซื้อสินค้าจากข้า เจ้านำเงินมามากมายเลยใช่รึไม่ เจ้าห่อไว้หลายถุงเต็มหลายคันรถเลยใช่รึไม่?”

ซูปั้นเฉินพยักหน้าแล้วยืนยันว่า “โดยปกติเวลาออกไปซื้อสินค้าเข้าร้านก็จะเป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนพูดต่อว่า “เช่นนั้นเจ้านำเงินทองมากมายไปในระหว่างทาง ไม่รู้สึกว่ามันไม่สะดวกรึ?”

ซูปั้นเฉินพยักหน้าอีกครั้งแล้วพูดว่า “ขอพูดตรงๆเลยนะพ่ะย่ะค่ะ มันไม่สะดวกอย่างยิ่งเลย ทึกครั้งที่ข้าออกไปด้านนอกจะต้องหาผู้คุ้มกันขนส่งคอยอารักขาล่วงหน้า”

“การทำการค้าขายนั้นไม่กลัวการขาดทุน แต่กลัวว่าจะพบเจอโจรปล้นในระหว่างทาง หากบังเอิญไปเจอพวกต้องการเงินและคร่าชีวิต เช่นนั้นก็เสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตกันพอดี ดังนั้นทุกครั้งที่จะซื้อของเข้าร้านข้ามักกังวลใจอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เฮ้อ!”

เขาพูดแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ ดูท่าเขาจะกลุ้มใจปัญหานี้มานานแล้ว

ฉินเหยียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาหยิบกระดาษออกมาจากแขนเสื้อแผ่นหนึ่งแล้วพูดอย่างจริงจังว่า

“สมมติว่าตอนนี้มีวิสาหกิจเปิดที่เมืองใหญ่เมืองหนึ่งในอาณาจักรจ้าวแล้ว แล้วมีสิ่งหนึ่ง อาจเป็นกระดาษใบนี้ เราจะเรียกมันว่าตั๋วเงิน”

“เจ้าฝากเงินไว้ในวิสาหกิจ วิสาหกิจก็จะให้ตั๋วเงินนี้กับเจ้า บนนี้จะระบุยอดเงินไว้ มันจะเป็นยอดเดียวกับเงินที่เจ้าฝากไว้ในวิสาหกิจ หากเจ้าไปทำการค้าขายที่อื่น เจ้าก็แค่พกตั๋วนี้ไว้แล้วไปแลกเปลี่ยนในวิสาหกิจที่เมืองนั้นๆ เจ้าก็ยังสามารถได้รับเงินมูลค่าที่ฝากไว้ที่วิสาหกิจก่อนหน้านี้ เจ้าคงพอเข้าใจใช่รึไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์