องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 241

ซูปั้นเฉินดึงสติกลับมาได้ แววตาของเขาปรากฏความเหลือเชื่อออกมา เขาพูดอย่างตกตะลึงว่า

“เฮ้! เป็นวิธีที่ดีเลย! ต่อไปหากออกไปซื้อสินค้าเข้าร้านก็ไม่ต้องคอยหวาดระแวงเพราะต้องขนเงินไปมากมายแล้ว เพียงแค่นำกระดาษไม่กี่ใบไปด้วยอย่างสะดวกสบาย เมื่อถึงที่หมายก็นำไปแลกเงิน สมแล้วที่เป็นอ๋องเหยียน เป็นความคิดที่ดีจริงๆ!”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจแล้วพูดว่า “ข้ามีเงินทุนหมุนเวียนและสามารถให้การสนับสนุนทางฝีมือได้ และสามารถสร้างโรงงานผลิตเกลือและกลั่นเหล้าที่อาณาจักรจ้าว ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ยังขาดการเส้นสาย ตอนนี้เจ้าก็รู้ถึงความคิดของข้าแล้ว เรื่องการร่วมมือของเราเจ้าลองคิดดูรึไม่?”

ซูปั้นเฉินยิ้มแย้มและนับถืออย่างมาก แต่กลับพูดว่า “เพียงแต่ท่านอ๋อง คนอาณาจักรฉินอยากทำการค้าขายในอาณาจักรจ้าวเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ค่อยราบรื่น”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ “เรื่องนี้ข้ารู้ดี มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ที่ข้าร่วมมือกับเจ้า ดูผิวเผินแล้วจะเป็นผู้ดูแลทั้งหมด ข้าเป็นผู้สนับสนุนฝีมือและคนงาน เจ้ารับหน้าที่รับหน้า คิดว่าอย่างไร?”

ซูปั้นเฉินหรี่ตาแล้วเริ่มคำนวณลูกคิดในใจอีกครั้ง ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวแย่ลง หากให้การช่วยเหลือคนอาณาจักรฉินมาเปิดวิสาหกิจที่อาณาจักรจ้าวจะถูกตั้งข้อหากบฏรึไม่?

หลังจากคิดถึงข้อดีและข้อเสียอย่างชัดเจนแล้วซูปั้นเฉินก็คารวะแล้วพูดว่า

“เรื่องใหญ่เพียงนี้ โปรดให้เวลาข้าพิจารณาสักสองสามวันได้รึไม่”

ฉินเหยียนเองก็ไม่ร้อนใจ เขาโยนเหยื่ออีกว่า “ตราบใดที่เราร่วมมือกันแล้วเปิดวิสาหกิจที่เมืองต่างๆในอาณาจักรจ้าว เงินที่เจ้าติดหนี้เมื่อคืนข้าจะยกให้”

ซูปั้นเฉินกะพริบตาปริบๆ ดวงตาปรากฏความดีใจออกมา และแล้วก็ได้ยินอ๋องเหยียนพูดต่อว่า

“ไม่เพียงเท่านี้ ข้าจะให้กำไรประจำปีสิบเปอร์เซ็นต์ของวิสาหกิจแก่เจ้าด้วย”

เมื่อสิ้นเสียง ซูปั้นเฉินก็หยิบลูกคิดเล็กๆออกมาแล้วทำการคำนวณต่อหน้าของฉินเหยียนทันที นักค้าขายแสวงหาผลกำไรไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ซูปั้นเฉินถือเป็นตัวอย่างของนักค้าขายสับปลับกลับกลอก

ยิ่งคำนวณก็ยิ่งหุบยิ้มไม่อยู่ ไม่เพียงแต่จะยกเลิกหนี้ไปแถมยังได้กำไรทุกปีสิบเปอร์เซ็นต์ นี่มันเป็นการซื้อขายแบบได้สิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องออกแรง มีแต่กำไรมากมาย!

อย่างไรพวกเขาก็เป็นคนอาณาจักรฉิน อาณาจักรจ้าวเป็นถิ่นของเขา ต่อให้ทั้งสองอาณาจักรจะก่อสงครามกันจริงๆ ถึงตอนนั้นก็แค่ฉวยโอกาสเอาวิสาหกิจมาเป็นคนตนเองก็พอ! ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แล้วจะมัวรออะไรล่ะ!

“ทำ ข้าทำ!”

ฉินเหยียนพยักหน้าแล้วหยิบใบหนี้ออกมาพูดว่า “ในเมื่อได้ตกลงเรื่องการค้าขายเรียบร้อยแล้ว หนี้ที่เจ้าติดค้างข้าก็ถือเป็นโมฆะ”

เขาพูดแล้วก็ฉีกใบหนี้ต่อหน้าของซูปั้นเฉินทิ้งไป

ซูปั้นเฉินรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เขาคารวะแล้วพูดว่า “อ๋องเหยียนช่างใจถึงยิ่งนัก เช่นนั้นข้าจะออกเดินทางกลับอาณาจักรจ้าวเพื่อทำการเปิดวิสาหกิจให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินเหยียนตบบ่าของซูปั้นเฉิน

“ไปเถิด มีเรื่องอะไรสามารถสื่อสารกับข้าได้ตลอด”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ซูปั้นเฉินสั่งให้เด็กรับใช้เก็บสัมภาระให้เรียบร้อย ในขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวขึ้นรถม้ากลับอาณาจักรจ้าวด้วยแรงบันดาลใจมากมายในการเปิดกิจการอันยิ่งใหญ่ ทันทีที่ก้าวขาขึ้นรถม้าไปแค่ข้างเดียวก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

จ้าวจือหย่าพยายามอดกลั้นแล้วแสร้งทำเป็นจริงจังแล้วพูดว่า “ข้ากำลังหัวเราะที่ท่านอ๋องช่างมีอารมณ์ขันเพคะ”

“รายงานพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เงาวิ่งมารายงาน

“อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ มีรายงานจากหน่วยโจมตีหมาป่าว่าทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต้องการจัดการทั้งหมดเลยรึไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ อย่าเชียว!” ฉินเหยียนพูดอย่างจริงจังว่า “เคยได้ยินรึไม่ว่าการเลี้ยงเสือจะนำความหายนะมาสู่ตนเอง บอกกับหน่วยโจมตีหมาป่าว่าให้พวกเขากระจายเรื่องวีรบุรุษ108คน จากก็กระจายเรื่องเล่าตระกูลหยาง”

“นี่......” องครักษ์เงามึนงงไปทันที แม้แต่จ้าวจือหย่าเองก็ไม่เข้าใจ

“ไปสิ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากที่ทหารหัวกะทิออกไปแล้วจ้าวจือหย่าก็ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า

“ท่านอ๋องเพคะ ในเมื่อท่านจะทำกิจการในอาณาจักร แล้วเหตุใดจึงต้องเลี้ยงเสือให้เป็นภัยของตนละเพคะ โจรป่ามีมากมายนัก เกรงว่ากิจการของเราจะได้รับผลกระทบเช่นกันนะเพคะ”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ “ผิดแล้ว นี่จะส่งเสริมความคืบหน้าในการก่อสร้างวิสาหกิจ มันเป็นภัยต่ออาณาจักรจ้าว แต่สำหรับเราแล้วมันมีแต่ได้กับได้”

“เพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์