องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 258

ฉินเหยียนอยู่ที่ที่อยู่เชิงเมืองมองจามหลังหยางจิ่นซิ่วเป็นเวลานาน

คนที่ควรจะจากไป ได้จากไปแล้ว และไม่มีร่องรอยแห่งความคิดถึงปรากฏบนใบหน้า

ในที่สุด เขาก็คำนวณพลาด คิดว่าเมื่อพิชิตหญิงคนนั้นด้วยเสน่ห์ของตนเองแล้ว นางจะยอมละทิ้งภารกิจของบ้านเมืองและใช้ชีวิตกับเขาอย่างสงบสุข

แต่ฉินเหยียนยังคงคิดพลาดไป เขาเมินเฉยต่อความมุ่งมั่นในการรับใช้บ้านเมืองของหยางจิ่นซิ่ว

การสูญเสีย ไม่มีอะไรเทียบเท่ากับการสูญเสียไปทั้งใจได้อีกแล้ว

...

องค์ชายใหญ่ฉินชงรู้ว่าฉินเหยียนหายตัวไปเพียงชั่วข้ามคืน เตรียมกองกำลังออกตามหา

แต่ทันทีที่ออกจากเมือง เขาเห็นฉินเหยียนอยู่ที่หน้าประตูเมือง กำลังจ้องมองไปในระยะไกลอย่างเหม่อลอย

องค์ชายใหญ่ฉินชงลงจากหลังม้าทันที เดินมาหาฉินเหยียนด้วยความตื่นตระหนกตกใจ เฝ้ามองอย่างกังวลว่าเขาบาดเจ็บหรือไม่

“น้องสิบสี่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ หายไปทั้งคืน เจ้าไปอยู่ที่ใดมา?”

ฉินเหยียนไม่สนใจคำพูดขององค์ชายใหญ่ เขากำมือแน่นด้วยความโกรธ

“ไปกันเถอะ! ผู้หญิงที่ฉันหมายตากลับหลุดรอดเงื้อมมือข้าไปได้ ฝันไปเถอะ!”

เขากระโดดขึ้นหลังม้าแล้วเข้าเมืองทันที

องค์ชายใหญ่ฉินชงดูสับสนและถามทหารชั้นดีออกไปอย่างงุนงง

“เกิดอะไรขึ้นกับองค์ชายของเจ้า? เขาพูดอะไรออกมาน่ะ?”

ทหารชั้นดีไม่กล้าพูดถึงเรื่องส่วนตัวขององค์ชาย พวกเขาทั้งหมดได้แต่เงียบและก้มหน้าลง

องค์ชายใหญ่ฉินชงขมวดคิ้วและพูดอย่างจริงจัง

“ใครก็ได้ช่วยบอกข้าที ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!”

“กราบทูลรายงานองค์ชายใหญ่ แม่ทัพหยางจิ่นซิ่วมีรับสั่งให้กลับไปยังอาณาจักรจ้าว องค์ชายเสียพระทัยด้วยเหตุนี้ขอรับ”

องค์ชายใหญ่เม้มปากแน่นแล้วพูดว่า

“เจ้าสิบสี่เอ้ย ช่างรักคนง่ายเสียจริง”

...

ตั้งแต่วันที่หยางจิ่นซิ่วกลับไป ฉินเหยียนเอาแต่เที่ยวดื่มทั้งวันทั้งคืน ในจวนเจ้าเมืองมีเสียงดนตรีและร้องเพลง ทำให้บรรยากาศคึกคักยิ่งนัก

แต่ที่แปลกไปนั่นคือ นอกจากหญิงงามที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาแล้ว คนอื่นห้ามเข้า แม้แต้จ้าวจือหย่าและจ้าวจีเอ๋อร์เองก็ไม่อนุญาตให้เข้ามา

ทั้งสองยืนอยู่นอกลานบ้าน ฟังเสียงดนตรีและเสียงร้องเพลงของหญิงสาวเหล่านั้น อดไม่ได้ที่จะกังวล

นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวจือหย่าเป็นฉินเหยียนไม่เป็นผู้เป็นคนเช่นนี้ นางขมวดคิ้วและพูดว่า

“หรือว่าเจ้าเข้าไปคุยหน่อยดีไหม องค์ชายไม่ได้ออกมาข้างนอกหลายวันแล้ว หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นควรทำอย่างไรล่ะ?”

แม้ว่าทั้งคู่จะกังวลต่อฉินเหยียน แต่พวกนางเองก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปขัดจังหวะ ต่างฝ่ายต่างโบ้ยใส่กัน หวังว่าอีกฝ่ายจะทำให้ฉินเหยียนขุ่นเคืองใจแทน

ขณะที่ทั้งสองต่างพากันเกี่ยงไปมา หลิวเชียนเชียนออกมาจากด้านใน

ทั้งสองก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน จ้าวจือหย่ารีบถามทันที

“เชียนเชียน องค์ชายเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลิวเชียนเชียนมองกลับเข้าไปในจวนเจ้าเมืองแล้วพูดว่า

เมื่อจ้าวจือหย่าเปิดอ่าน สีหน้านางพลันเปลี่ยนไป นางไม่สนใจคำสั่งของฉินเหยียนและรีบตรงเข้าไปยังจวนเจ้าเมือง

ทันทีที่นางเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้นางต้องอึ้งไป

มีหญิงงามทั้งหมดแปดคน ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง

นักเล่นดนตรี เลือดออกที่นิ้วแล้ว แต่ก็ยังต้องเล่นต่อ

นักเต้นรำที่ถุงน่องสีขาวในตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ก็ต้องเต้นรำต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน

นอกจากนี้ยังมีคนที่อ่าหนังสือ วาดภาพและแต่งบทกลอน...

ใครที่ทำให้ฉินเหยียนไม่พอใจจะถูกลงโทษด้วยการตี ที่แย่ไปกว่านั้นคือการถูกตีด้วยไม้บรรทัด

เสียงร้องที่ได้ยินจากด้านนอกไม่ใช่เสียงร้องด้วยความดีใจ แต่เป็นเสียงร้องครวญครางจากความเจ็บปวด

จ้าวจือหย่าไม่กล้ามองอีกต่อไป เข้าไปหาฉินเหยียนพร้อมกับยอมรับความผิด

“อ๋องเหยียนขอเพิ่งโกรธเลยเจ้าค่ะ จือหย่ามีเรื่องต้องรายงาน จึงได้บุกเข้ามาที่นี่โดยพลการ ได้โทษอ่านจดหมายลับก่อนที่จะลงโทษข้าเถิดเจ้าค่ะ”

ฉินเหยียนหยิบจดหมายและอ่านอย่างละเอียด

เขาหยิบเหรียญออกมาจากซองจดหมาย พร้อมกับสีหน้าที่ยากจะบรรยายได้

“ข้าไม่คาดคิดว่าจ้าวฉี่หมิงจะกล้าฆ่าญาตินางสนมของฮ่องเต้”

“ข้ากำลังนอนอยู่แท้ๆ แต่กลับมาคนยื่นหมอนเข้ามาให้

“พวกเจ้าที่มีสถานะที่พร้อมแล้ว ใครต้องการใช้สถานะนั้นเพื่อหลอกคนอื่นบ้าง?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์