องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 293

หลังจากการทรมานอย่างรุนแรงหลายชั่วยามที่ผู้คุมใช้วิธีการทรมานเกือบทั้งหมดกับแม่ทัพหลี่และแม่ทัพจาง

ทั้งสองถูกแขวนบนแท่นทรมาน ผิวหนังของพวกเขาเหวอะหวะตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื้อตัวแตกยับและเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาคล้ายกับว่าวที่บุบสลายที่โงนเงนใกล้ล้มและลมหายใจรวยริน

กระบองของผู้คุมไม่เคยหยุดตั้งแต่ที่ทั้งสองเริ่มกรีดร้องจนกระทั่งถูกทุบตีจนไม่สามารถแม้แต่จะตะโกนออกมาได้ และทำได้เพียงส่งเสียงสะอื้นเบาๆจากลำคอเท่านั้น

ในที่สุดแม่ทัพจางก็มิอาจทนพิษบาดแผลได้และเสียชีวิตอยู่ภายใต้กระบองของเหล่าผู้คุม

ผู้คุมก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจดูลมหายใจ และเมื่อยืนยันว่าหมดลมแล้วจึงใช้ไม้กระบองทิ่มไปที่ศีรษะของแม่ทัพจาง เย้ยหยันว่า

"เอ๋ ตายเสียแล้วหรือ ยังนึกว่าจะแน่สักแค่ไหน!"

ผู้คุมอีกคนโบกแส้หนามในมือและเฆี่ยนแม่ทัพหลี่อย่างรุนแรง และกล่าวด้วยวาจาที่ชั่วร้ายว่า

"เหลือเจ้าเพียงคนเดียวแล้วนะ หากไม่สารภาพเจ้าก็จะลงเอยเหมือนพวกเขา หากไม่สารภาพก็จะเฆี่ยนจนกว่าจะตาย!"

แส้แหวกทะลุอากาศจนเกิดเสียงดัง จากนั้นจึงโจมตีแม่ทัพหลี่อย่างรุนแรง

ร่างกายของแม่ทัพหลี่ตกไปตามจังหวะแส้ที่ฟาดลงมา ใบหน้าอันเจ็บปวดของเขายังคงสั่นสะท้าน และเลือดในปากของเขาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

"จะสารภาพไหม จะสารภาพไหม!"

ทุกครั้งที่ผู้คุมเฆี่ยนหนามแหลมบนแส้หนามก็จะตวัดผิวหนังและเนื้อบางส่วนออกมาเหมือนกับมีดแล่เนื้อซึ่งทำให้คนเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

ชีวิตของแม่ทัพหลี่ถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย ในขณะที่ใกล้จะตายเขาก็พูดด้วยเสียงที่เบาเหมือนยุงบินว่า

"ข้าสารภาพ....."

ผู้คุมหยุดโบกแส้ในมือแล้วเอาหูไปใกล้กับปากของเขาพลางกล่าวอย่างไม่แน่ใจว่า

"เจ้าว่าอะไรนะ?"

แม่ทัพหลี่เจ็บปวดมากจนพูดไม่ชัด เขาพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดและพูดออกมาว่า

"ข้าสารภาพ ข้าจะสารภาพทั้งหมด...."

เมื่อผู้คุมได้ยินคำตอบที่น่าพอใจก็ยิ้มกว้างพลางขยับข้อมือที่เจ็บ และกล่าวว่า

"เขาสารภาพแล้ว หยิบกระดาษและพู่กันมาให้เขาลงชื่อ!"

........

ณ จวนไท่ฟู่

คนของคุกหลวงรีบเข้ามารายงาน

"รายงานไท่ฟู่ แม่ทัพหลี่สารภาพหมดแล้วขอรับ!"

เมื่อไท่ฟู่ได้ยินข่าวก็ไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดบนร่างของตน เขารีบผลักสาวใช้ที่อยู่ข้างๆออกไปและถามด้วยใบหน้าที่ปิติยินดีว่า

"สารภาพแล้วจริงหรือ?"

คนของคุกหลวงพยักหน้าและยื่นคำให้การของแม่ทัพหลี่ให้เขาดู

ไท่ฟู่อดรนทนไม่ไหวรีบกะโผลกกะเผลกไปหยิบคำให้การมาตรวจดู ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เผยความปิติยินดีออกมาและสั่งว่า

"เร็ว! เตรียมเกี้ยว ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเดี๋ยวนี้!"

..........

ตำหนักจินหลวน

"ขอฝ่าบาทโปรดอย่าได้ใจอ่อน เพื่อจะได้ไม่พลาดโอกาสอันดีนี้พะยะค่ะ!"

ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ทั่วทั้งราชสำนักต่างก็กล่าวขึ้นพร้อมกันและคุกเข่าโขกศีรษะร้องขอในลักษณะที่คล้ายกับการบังคับให้สละราชสมบัติ

เวลานี้สีหน้าของฮ่องเต้ฉินดูน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด ทว่าเหล่าขุนนางกลับเพิกเฉยและกล่าวต่อว่า

"ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาพะยะค่ะ!"

"ขอฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองพะยะค่ะ!"

และในขณะที่เหล่าขุนนางกำลังกดดันฮ่องเต้ฉินอยู่นั้นเอง เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นในท้องพระโรง

"หึๆ...."

เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ต่างก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองแม่ทัพหลี่ซึ่งนอนอยู่บนพื้นท้องพระโรงเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว

เสียงหัวเราะที่ดูถูกเหยียดหยามนั้นมาจากปากของแม่ทัพหลี่ที่ใกล้จะหมดลมหายใจ

ไท่ฟู่ขมวดคิ้วและถามด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราดว่า

"เจ้าหัวเราะอะไร!"

แม่ทัพหลี่กลับหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะประคองร่างกายของตนเองขึ้นแล้วนั่งกึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนระโหยโรยแรงว่า

"ข้าหัวเราะเพราะต้าฉินกำลังจะล่มสลาย!"

ทันทีที่กล่าวคำพูดนี้ออกมาฮ่องเต้ฉินก็ตัวสั่น เขารู้สึกราวกับว่าตนได้ยินผิดไปจึงจ้องไปที่แม่ทัพหลี่ด้วยดวงตาที่เป็นประกายและกล่าวว่า

"เจ้าว่าอย่างไรนะ? พูดดังหน่อย!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์