องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 32

ในเมื่อฮ่องเต้ฉินได้กล่าวเช่นนั้นมาแล้ว จ้าวจีเอ๋อร์เองก็ไม่อาจยืนกรานต่อได้ แต่ว่านี่ก็อยู่ในสิ่งที่นางคาดเอาไว้เช่นกัน

“เพคะ งั้นเราก็มาประลองกันตอนนี้เลย แต่ครั้งนี้ข้าจะขอให้ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวเป็นผู้ประลองแทนข้า หากมีผู้ใดในอาณาจักรฉินสามารถเอาชนะเขาได้ งั้นข้าก็ขอยอมแพ้เพคะ”

เมื่อสิ้นเสียง ในคณะทูตอาณาจักรจ้าวก็มีชายชราเหมือนเซียนคนหนึ่งยืนขึ้น

ชายชราแห่งอาณาจักรจ้าวยิ้มบางๆแล้วประสานมือคารวะพร้อมพูดว่า “ข้าคือนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรจ้าว หวังเซียนจือพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าขุนนางแห่งอาณาจักรฉินในพระราชวังต่างตะลึงจนตาค้างกันทันที

“เขา เขาคือนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ หวังเซียนจือ! ตัวอักษรที่เขาเขียนดุจเทพนิรมิต!”

“สมแล้วที่เป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ท่าทีและความรู้สึกนี้ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”

“ การเขียนของปรมาจารย์หวังนั้นนับว่าโดดเด่นที่สุดเลย การประลองศิลปะการเขียนกับเขา จะไปชนะได้อย่างไร!”

“เฮ้อ เกรงว่ารอบนี้อาณาจักรฉินจะต้องยอมแพ้แล้วจริงๆ!”

สีหน้าของฮ่องเต้ฉินแย่มากเช่นกัน เขาเองก็รู้ถึงชื่อเสียงของหวังเซียนจือเช่นกัน หากจะบอกว่ามีใครในอาณาจักรฉินเขียนได้ดีมากกว่าเขาละก็ เกรงว่าจะมีน้อยอย่างมาก ซึ่งคงจะหาไม่ได้ในทันที

แววตาหวังเซียนจือประกายแสง เขามีท่าทีที่เตรียมการมาแล้ว

“อยากทราบว่าใครจะเป็นผู้ประลองศิลปะการเขียนกับข้างั้นรึ?”

สีหน้าของเหล่าขุนนางอาณาจักรฉินต่างย่ำแย่ ใครไปประลองกับเขาก็เหมือนการรอรับความพ่ายแพ้ไม่ใช่รึไง

พริบตานั้นทุกคนในพระราชวังต่างพากันเงียบสงัด

ฮ่องเต้ฉินถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า “ใครจะประลองให้ก้าวออกมา!”

เหล่าขุนนางอาณาจักรฉินต่างพากันมองหน้ากันด้วยความอับอาย ไม่มีใครกล้ามองฮ่องเต้หรือพูดอะไรเลย

ฮองเฮาฉินซวงหลานส่งสายตาให้กับองค์ชายแปดฉินอู่ ซึ่งบ่งบอกว่าให้เขาออกหน้าไปประลองกับหวังเซียนจือ อย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าประลองกับหวังเซียนจือ หากลูกชายของนางออกหน้าแทน ฮ่องเต้ฉินจะต้องรู้สึกว่าเขามีความกล้าหาญมาก และจะได้รับความชื่นชอบมากขึ้นแน่นอน

ฉินอู่ส่ายหน้าด้วยใบหน้าที่น่าเศร้าแล้วทำรูปปากว่า “ข้าไม่ไหวหรอก เมื่อครู่นี้ยังแพ้ให้กับองค์หญิงสามเลยนะ จะประลองกับนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน ข้าไม่ไหวจริงๆ”

ฮองเฮาฉินซวงหลานอยากให้ลูกได้ดิบได้ดี แต่ความกังวลของฉินอู่ก็ถูกต้อง หากออกหน้าไปแล้วไม่ได้รับชนะมา บางทีอาจทำให้ฮ่องเต้ฉินเกลียดชังมากกว่าเดิม ยังไม่ออกหน้าออกตาตอนนี้จะดีกว่า

ฮ่องเต้ฉินโกรธอย่างมาก เขาถามขึ้นอย่างเสียงดังว่า “หรือว่าอาณาจักรฉินของข้า ล้วนมีแต่ผู้ไม่มีความสามารถงั้นรึ?”

เหล่าขุนนางอาณาจักรฉินต่างพากันสะดุ้งและมีเหงื่อไหลลงมา ขอเพียงพายุลูกนี้ผ่านไปโดยเร็วที่สุด

ส่วนหวังเซียนจือก็พูดอย่างโอหังว่า “ในเมื่อไม่มีผู้ใดในอาณาจักรฉินประลองกับข้า งั้นการประลองครั้งนี้ข้าก็ชนะตั้งแต่ยังไม่เริ่มประลองสินะ?”

“ดี ในเมื่อองค์ชายสิบสี่มั่นใจถึงเพียงนี้ งั้นเราก็มาประลองให้รู้กันไปเลย! เพื่อความเป็นธรรม งั้นข้าเขียนกลอนตามที่องค์หญิงสามนำออกมาเมื่อครู่นี้ดีหรือไม่?”

ฉินเหยียนพูดอย่างไม่แยแสว่า “แล้วแต่เจ้า สำหรับข้ามันก็เหมือนกัน”

หวังเซียนจือทำเสียงเย็นชา ช่างเป็นเด็กบ้าที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ

“ดี งั้นก็เริ่มเลยเถอะ!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วเขาก็เดินตรงไปยังตรงหน้ากระดาษข้าวแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำใจให้สงบ จากนั้นก็ใช้พู่กันแต้มน้ำหมึกดำ ดวงตาจ้องกระดาษข้าวอย่างดุเดือด จากนั้นก็เริ่มลงมือเขียนขึ้นมา

ทุกคนที่อยู่ดูความสนุกสนานต่างพากันเงียบลงทันที ล้วนมองสิ่งที่หวังเซียนจือเขียนอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าค่อยๆแสดงสีหน้าตกตะลึง

“ตัว ตัวอักษรเปรียบเสมือนลมที่พัดหญ้าบนพื้น นั่นคือตัวหวัดแห่งความบ้าคลั่ง!”

“หญ้าระบำไปตามกระแสลม ข้าถึงกับรู้สึกได้ว่ามีลมพัดผ่านใบหูของข้าไปเลย สุดยอดจริงๆ!”

“สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ ไม่เสียชื่อเลยสักนิด!”

อีกด้านของฉินเหยียนนั้น เขากลับกัดพู่กันไว้แล้วยืนอยู่ตรงหน้ากระดาษม้วนที่มีบทกลอนด้วยใบหน้าหนักใจ แล้วจับคางเอาไว้ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์