องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 33

“นี่องค์ชายสิบสี่ทำอะไรอยู่ เหตุใดเขาจึงยังไม่ลงมือ?”

“เมื่อครู่เพิ่งจะพูดจาโอหังออกไป ตอนนี้กลับไม่ขยับเลย นี่ขึ้นไปขายหน้ารึไง!”

ท่าทีที่น่าประหลาดใจนั้นทำให้เหล่าขุนนางต่างพากันถกเถียงกัน

จ้าวจือหย่าเองก็สงสัยว่าเหตุใดฉินเหยียนจึงไม่ลงมือเขียนเสียที จึงได้ก้าวขึ้นไปถามเสียงเบาว่า “องค์ชายสิบสี่ เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ลงมือเขียน?”

ฉินเหยียนหัวเราะแล้วพูดอย่างเก้อเขินว่า “ข้าไม่รู้จักบทกลอนนี้ แถมยังไม่รู้จักตัวอักษรด้วย”

แม้ว่าเขาจะตอบเสียงเบา แต่ทุกคนก็ได้ยินอย่างชัดเจน เหล่าขุนนางอาณาจักรฉินเกิดวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

“อะไรนะ ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม องค์ชายสิบสี่บอกว่าเขาไม่รู้จักตัวอักษรงั้นรึ!”

“นี่มันไร้สาระจริงๆ ไม่รู้จักตัวอักษรแล้วยังกล้าโอหังประลองศิลปะการเขียนกับปรมาจารย์อาณาจักรจ้าวอีก ไร้สาระจริงๆ!”

จ้าวจือหย่าเหงื่อตก นี่เจ้าองค์ชายสิบสี่ไม่น่าเชื่อถือเกินไปแล้ว จึงได้ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เจ้าไม่รู้จักตัวอักษรแล้วตอบรับคำท้าประลองทำไมกัน?”

ฉินเหยียนพูดอย่างไม่พอใจว่า “บนนี้เขียนตวัดไปขนาดนี้ ข้าจะไปเห็นชัดได้อย่างไรว่าคือตัวอะไร อีกอย่างใครบอกว่าไม่รู้จักตัวอักษรแล้วจะเขียนออกมาไม่ดีกัน”

จากนั้นเขาก็โบกมือ บ่งบอกให้จ้าวจือหย่ามาข้างกายของเขา แล้วชี้ไปยังตัวอักษรบนกระดาษพร้อมถามขึ้นว่า “นี่คือตัวอะไร?”

จ้าวจือหย่าหมดคำจะพูด แต่เพื่อหน้าตาของอาณาจักรเหยียนก็ยังคงเดินไปบอกกับเขาว่า “ชุน นี่คือคำว่า ชุน”

“แล้วนี่ล่ะ?”

“นี่คือจี่ว์ มาจากคำว่าจี่ว์เหริน เบื้องล่างนั้นคือหลิว ล่างอีกคือ......”

เมื่อฟังจ้าวจือหย่าพูดซ้ำทีละตัวแล้ว สีหน้าของเหล่าข้ารายการอาณาจักรฉินก็แย่มากถึงที่สุด ล้วนพากันส่ายหน้าอย่างดูถูก

“ขายหน้าที่สุด! ขายหน้าที่สุด!”

แม้แต่ทูตแห่งอาณาจักรจ้าวเองก็เพิ่งจะเคยเห็นเช่นนี้ครั้งแรก ต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ยพร้อมพูดว่า “แม้แต่ตัวอักษรยังไม่รู้จักเลย จะเขียนออกมาดีได้อย่างไรกัน ช่างน่าขันยิ่งนัก”

“ข้าว่าองค์ชายสิบสี่ของพวกเจ้า ทำอาณาจักรฉินขายหน้าจนหมดแล้วล่ะ!”

สีหน้าของฮ่องเต้ฉินโกรธเกรี้ยว เจ้าสิบสี่เอาแต่ปล่อยไก่อยู่ได้! เขาโกรธจนไม่มีอารมณ์จะมาสบถคำด่าใส่ฉินเหยียนแล้ว รอให้การประลองสิ้นสุดลง จะต้องทำการลงโทษเจ้าลูกเนรคุณที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงหน่อยเสียแล้ว

เมื่อจ้าวจือหย่าอธิบายทีละตัวแล้ว ฉินเหยียนก็หยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ตัวอักษรดีๆเช่นนี้ ไม่เขียนให้ดี ทำให้คนอ่านต้องเหนื่อย ดีที่มีเจ้าอยู่หญิงงาม” เมื่อพูดดังนั้นแล้วเขาก็ใช้มือแตะคางของจ้าวจือหย่าเบาๆ

ใบหน้าของจ้าวจือหย่าแดงก่ำ นางรีบหลบทันที “นี่ในพระราชวังนะ จะเสียกิริยาไม่ได้”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างชั่วร้าย “รอข้าชนะการประลอง คืนนี้ค่อยต่อกัน”

เมื่อสิ้นเสียงเขาก็หยิบพู่กันขึ้นมา และขีดเส้นใหญ่บนกระดาษข้าว และทุ่มเทให้กับการเขียนตัวอักษร

ส่วนฉินเหยียน หวังเซียนจือไม่ได้เห็นฉินเหยียนเป็นคู่ประลองเลยตั้งแต่แรกจนตอนนี้ ในตอนที่เขาเริ่มขีดแรกลงกระดาษ เขาก็มีความมั่นใจอย่างแน่วแน่ เขาหวังเซียนจือ ชนะอย่างแน่นอน!

ในขณะที่ทุกคนวุ่นวายกันอยู่นั้น ฉินเหยียนก็ได้คุ้นเคยกับบทกลอนแล้ว นี่คือบทกลอนแบบเจ็ดคำ ความหมายของกลอนเขียนเกี่ยวกับภูมิทัศน์แบบชนบทที่มีเสน่ห์ของแม่น้ำและภูเขาอันยิ่งใหญ่ เช่นนี้ก็ง่ายแล้ว!

หากจะประลองด้านการเขียนอาจเอาชนะหวังเซียนจือไม่ได้ แต่ด้วยความสร้างสรรค์ของคนยุคปัจจุบัน การเขียนลายมือแบบศิลปะ เอาชนะเจ้าได้แน่นอน!

“หึ อยากจะโอหังก็สุดแล้วแต่เจ้า ลมโชยพัดขุนเขา ให้เขาเป็นภัยตัวเอง!”

ฉินเหยียนทำจิตใจให้มั่นคง แล้วเริ่มตวัดพู่กันอย่างรวดเร็วให้หมึกดำกระจายลง

บัดนี้จ้าวจือหย่าที่ยืนอยู่ข้างกายเขาได้ยื่นหน้าไปมอง อยากจะดูผลงานของปรมาจารย์การเขียนอย่างหวังเซียนจือ แต่นางบังเอิญหันไปเห็นตัวอักษรของฉินเหยียน และทันใดนั้นใบหน้าของนางก็มีสีหน้าที่ตกตะลึง

“นี่มัน......”

องค์ชายแปดฉินอู่เดินขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นตัวอักษรที่ปรมาจารย์หวังเหอจือเขียน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เชื่อท่านแม่ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ไม่รู้ว่าจะต้องขายหน้าแค่ไหน!

ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มอันชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ขึ้นมา สายตาของเขามองไปยังฉินเหยียนที่กำลังตวัดพู่กันอยู่ และแอบพึมพำในใจว่า “น้องสิบสี่เอ๋ย เพราะเจ้าโอหังมากไงล่ะ ถึงได้เป็นภัยต่อตนเองเสียอย่างงั้น ต่อให้เจ้าจะวาดอะไรออกมาก็ต้องแพ้อยู่ดี!”

เมื่อเขาเห็นตัวอักษรที่ฉินเหยียนเขียนชัดเจนแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ถูกแช่แข็งไปในพริบตา

“ตะ ตัวอักษรนี่มัน?!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์