องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 334

ฟ้าแลบฟ้าร้อง น้ำฝนเทกระหน่ำลงมา นอกตำหนักมีฝนลมพายุอย่างแรง ทำให้แสงเทียนในตำหนักสลัว

ฮ่องเต้ฉินนั่งลงบนที่นอน ของเขาพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยและแผ่วเบา แต่กลับไม่กล้าสบตาฉินเหยียน

“เจ้ากำลังโทษข้าใช่รึไม่?”

ฉินเหยียนคุกเข่าลงกับพื้น เขายังคงประสานมือคารวะอยู่

“มิใช่พ่ะย่ะค่ะ เมื่อได้รับการอุปถัมภ์ก็จะต้องตอบแทน ในเมื่อเป็นองค์ชาย ก็จะต้องตอบแทนอาณาจักรอย่างสุดกำลัง โอรสสวรรค์จะต้องเฝ้าประตูแผ่นดิน ฮ่องเต้สละชีวิตเพื่ออาณาจักร เพื่อทุกชีวิต แล้วลูกจะกล้าโทษท่านพ่อได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”

“โอรสสวรรค์จะต้องเฝ้าประตูแผ่นดิน ฮ่องเต้สละชีวิตเพื่ออาณาจักรสินะ!” ฮ่องเต้ฉินเงยหน้าจ้องมองฉินเหยียนแล้วพูดอย่างเข้มงวดว่า “ทุกคำของเจ้าล้วนเป็นคำพูดของฮ่องเต้ทั้งนั้น แต่กลับบอกว่าไม่อยากนั่งบนบัลลังก์ เจ้าจะพูดความจริงในใจต่อข้าไม่ได้เลยรึไง?”

ฉินเหยียนพูดต่อว่า “ลูกยินดีที่จะช่วยท่านพ่อพิชิตอันยิ่งใหญ่ เพื่อให้ท่านได้อยู่คงกระพัน แต่ลูกไม่อยากถูกบัลลังก์ผูกมัด ทิวทัศน์ที่งดงาม ภูเขาและแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์นี้ ลูกเป็นผู้รักอิสระมาไหนต่อไหน ไม่อยากถูกขังอยู่ในพระราชวังนี้จริงๆ ท่านพ่อ นี่คือความในใจของลูกพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินอ้าปาก ครู่หนึ่งกว่าจะพูดขึ้นว่า “แม้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าจะมีความกรุณา แต่เขาโง่เขลาและไม่รู้จักวิธีปรับตัว หากให้เขาขึ้นครองบัลลังก์ มันก็ยากที่จะเอาชนะตระกูลขุนนางใหญ่ได้ แม้พี่เจ็ดของเจ้าจะมีคุณธรรมสูง แต่เขาเคยทรยศญาติมิตรของตนเอง หากยกบัลลังก์ให้เขา จะต้องเกิดความวุ่นวายเดือดร้อนเป็นแน่ เขาต้องหักหลังดินแดนของข้าเป็นแน่!”

ฮ่องเต้ฉินเดินเข้าไปพยุงฉินเหยียนแล้วพูดอย่างจริงใจว่า “สำหรับข้าแล้ว เจ้าคือผู้ที่เหมาะสมกับบัลลังก์มากที่สุด!”

แม้ฉินเหยียนจะถูกพยุงให้ลุกขึ้น แต่ก็ยังปฏิเสธอ้อมค้อมว่า “ท่านพ่อได้โปรดคืนคำเถิด มันยากที่ลูกจะทำได้พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินจับมือของฉินเหยียนไว้ เขาบีบมือของฉินเหยียนจนเจ็บโดยไม่รู้ตัว

“ท่านพ่อ การพิชิตดินแดนนั้นง่ายดาย แต่การเฝ้าดูแลมันนั้นแสนยาก ลูกปรารถนาที่จะเที่ยวชมภูเขาและแม่น้ำ พิชิตดินแดนอันกว้างใหญ่ในอนาคต จนใต้หล้านี้ไม่มีดินแดนของฮ่องเต้องค์ไหนอีก ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ล้วนเป็นดินแดนของเรา นี่คือความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ของลูก โปรดท่านพ่ออนุญาตด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

จู่ๆฮ่องเต้ฉินก็ผ่อนคลายลง เขาก็เดินกลับไปที่เตียงอย่างช้าๆ ราวกับชายชราในช่วงพลบค่ำ และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“ตอนนี้ต่อให้ข้าอยากยกบัลลังก์ให้เจ้าก็คงจะทำไม่ได้แล้ว ดินแดนของข้ามีแต่อันตรายเต็มไปหมด”

ฉินเหยียนจึงใช้โอกาสนี้พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อกังวลเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ความกังวลของพระองค์ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน”

ฮ่องเต้ฉินตะคอกถามขึ้นว่า “เจ้าถูกข้าส่งไปยังจวนจงเหริน แล้วเจ้าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้และความกังวลของข้าได้อย่างไรกัน?”

ฉินเหยียนพูดตรงๆว่า “ท่านพ่อ ตำหนักหย่านซินนั้นเป็นสถานที่ที่ท่านพักผ่อนสงบใจ แต่ท่านยังสวมชุดเกราะและพกกระบี่ชื่อเซียวไว้ข้างกายเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีใครกุมอำนาจในพระราชวังเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ แต่ในราชสำนักผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่มีเพียงไท่ฟู่ผู้เป็นราชครูของท่านพ่อเท่านั้น”

ฮ่องเต้ฉินจ้องมองฉินเหยียน “พูดต่อสิ”

“หากต้องการทำลายสถานการณ์ก็คืนอำนาจของไท่ฟู่ให้เขาก่อน อีกทั้งต้องให้อำนาจกับเขามากขึ้น ทำให้เขาชะล่าใจ อดทนกัดฟันให้ผ่านเจ็ดวันไปแล้ว พี่ใหญ่ก็จะกลับมาจากชายแดนถึงเมืองหลวงพร้อมกองทัพ ภัยอันตรายก็จะคลี่คลายลง”

ฮ่องเต้ฉินขมวดคิ้วแน่น “เหตุใดเจ้าจึงรู้ไปเสียทุกเรื่อง?”

ฉินเหยียนพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “แม้จะไม่ได้ก้าวออกไปที่ใด แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็มาถึงหูข้า”

ฮ่องเต้ฉินยืนขึ้นอย่างเคร่งขรึมและจ้องมองฉินเหยียน

“หากเจ้ายินยอมขึ้นครองบัลลังก์จะดีแค่ไหนนะ เจ้าจะต้องเป็นฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน!”

ฉินเหยียนประสานมือคารวะอย่างผวาแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ บัดนี้ลูกเป็นเพียงราษฎร์ผู้ต่ำต้อยเท่านั้น เพียงแค่คิดอยากจะชีวิตแบบสมถะ หากอาณาจักรฉินเกิดวิกฤต ลูกก็คงทำได้เพียงการวางแผนกลยุทธ์ ฟังเสียงดนตรีในหอนางโลม อ่านหนังสือใต้แสงเทียน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทำเรื่องที่มีความสุขพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้า!” ฮ่องเต้ฉินอยากจะตบฉินเหยียนให้ตายเหลือเกิน มือที่ยกขึ้นยังไม่วางลง

“เอาเถิด เจ้าเองก็เติบใหญ่แล้ว ดื้อรั้น ข้าเองก็ทุบตีเจ้ามิได้แล้ว”

เขาเดินไปไม่กี่ก้าว จากนั้นก็ออกคำสั่งไปยังนอกตำหนักว่า “ข้าหิวแล้ว เตรียมอาหารค่ำได้แล้ว ยกเหล้ารสเริศและอาหารชั้นดีมา ข้าจะดื่มด่ำไปกับลูกของข้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์