องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 35

เหล่าคณะทูตอาณาจักรจ้าวคนอื่นๆเองก็ต่างพากันพูดสมทบอย่างไม่ละอายว่า “นั่นสิ ข้าว่าตัวอักษรที่องค์ชายสิบสี่ของพวกเจ้าเขียนก็ไม่ได้ดีเท่าไร”

“ใช่ ตัวอักษรที่ไม่เหมือนตัวอักษร จะภาพวาดก็ไม่ใช่ ไม่ถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่อะไรหรอกนะ!”

“อย่างไรตัวอักษรของปรมาจารย์หวังเหอจื้อแห่งอาณาจักรจ้าวของเราก็เหนือกว่า สิ่งที่องค์ชายสิบสี่เขียนนั้นเรียกว่าตัวอะไรกัน”

เมื่อพูดดังนั้นแล้ว เหล่าขุนนางแห่งอาณาจักรฉินก็ยอมไม่ได้

“พูดจาไร้สาระทั้งนั้น ตัวอักษรขององค์ชายสิบสี่ของเราต่างหากที่เหนือกว่า!”

“นั่นสิ ตัวอักษรขององค์ชายสิบสี่นั้นทั้งมีภาพที่บ่งบอกถึงความหมายของบทกลอน ใช่ว่าคนหยาบคายอย่างพวกเจ้าจะเทียบได้!”

“ครั้งนี้ พวกข้าชนะ!”

เป็นครั้งแรกที่เหล่าขุนนางแห่งอาณาจักรฉินออกหน้าแทนฉินเหยียน อย่างไรก็ตามเมื่อเกี่ยวกับหน้าตาของอาณาจักรแล้ว จะไม่เกี่ยงงอนในเรื่องที่ควรกระทำ

“องค์ชายสิบสี่ของเราต่างหากที่ชนะ!”

“ปรมาจารย์แห่งอาณาจักรจ้าวของเราต่างหากที่ชนะ!”

ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นของตนเองและโต้เถียงกันไม่รู้จบ

“พอได้แล้ว!” ฮ่องเต้ฉินตะโกนเสียงดังเพื่อห้ามให้ทั้งสองฝ่ายหยุดการโต้เถียงกัน

อย่างไรอาณาจักรจ้าวก็มาที่นี่เพื่อสมรสเพื่อสันติภาพ จะไม่ไว้หน้าเลยก็ไม่ได้ อย่างไรก็ชนะไปสองครั้งแล้ว ต่อให้ครั้งนี้จะเสมอกันก็ไม่ได้เป็นผลเสียอะไร จึงได้พูดให้บรรยากาศผ่อนคลายลงว่า

“โต้เถียงเช่นนี้กันต่อไปก็มีแต่จะส่งผลเสียต่ออาณาจักรฉินของข้า หากจะมีการขุ่นเคืองกันกับอาณาจักรจ้าว งั้นข้าว่าตัดสินเสมอกันจะดีกว่า”

จ้าวจีเอ๋อร์รู้ว่าคำพูดของฮ่องเต้ฉินนั้นเต็มไปด้วยการให้ความช่วยเหลือนาง นางกำลังจะตอบกลับ แต่หวังเซียนจือที่ยืนอึ้งอยู่อีกด้านมาตลอดก็เกิดเพ้อขึ้นมาว่า “ข้าแพ้แล้ว!”

ผลงานอันยิ่งใหญ่ของฉินเหยียนยังคงตราตรึงอยู่ในหัวของเขา ทุกขีดทุกเส้นนั้นประดุจดั่งเทพมังกรที่โปรยบินอยู่บนท้องฟ้า!

ส่วนภาพวาดในตัวอักษรนั้นก็ได้สะท้อนออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ! บทกลอนที่ปรากฏอยู่ในหัวของเขา ใช้วิธีการเขียนตัวอักษรในการสะท้อนออกมาจริงๆรึเนี่ย

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ที่สุดของศิลปะการเขียนที่เขาไล่ตามมาทั้งชีวิต จะมีคนทำได้จริงๆ สามารถใช้ตัวอักษรเดียวในการเขียนทุกสิ่งอย่างบนโลกได้

เมื่อเห็นผลงานอันยิ่งใหญ่นี้ปรากฏขึ้น ความตกตะลึงจากสุดหัวใจก็ยากที่จะสงบลง

“หวังเซียนจือ รู้รึเปล่าว่ากำลังพูดสิ่งใดออกมา!” น้ำเสียงของจ้าวจีเอ๋อร์โกรธเกรี้ยว ทั้งที่ฮ่องเต้ฉินเองก็ได้เอ่ยปากว่าเสมอกันแล้ว ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ตาเฒ่านี่กลับยอมแพ้!

เหล่าคณะทูตแห่งอาณาจักรจ้าวต่างพากันมองไปหาด้วยความสายตาที่โกรธเกลียด

หวังเซียนจือประสานมือคารวะแล้วขอโทษ “องค์หญิงสาม ตัวอักษรที่องค์ชายสิบแปดได้เขียนออกมานั้น เป็นระดับที่ข้าไม่อาจเอื้อมถึงได้จริงๆพ่ะย่ะค่ะ หากจะบอกว่าเป็นการเสมอกัน ข้าก็รู้สึกละอายใจเหลือเกิน! ครั้งนี้ข้าขอยอมแพ้!”

จ้าวจีเอ๋อร์โกรธจนมือทั้งสองข้างสั่นไม่หยุด แม้ว่านางจะพูดเก่งแต่หากเจ้าตัวขอยอมแพ้เอง ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่มีประโยชน์ นางรู้สึกผิดหวังอย่างมาก หากรู้ว่าหวังเซียนจือเป็นคนหัวรั้นเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางออกหน้าแทนเขาแน่นอน

ไม่รักษากิริยาในพระราชวัง กระทำบุ่มบ่ามตามใจตนเองจะเกิดเรื่องเอาได้! แม้แต่ฮ่องเต้ฉินและเหล่าขุนนางแห่งอาณาจักรฉินก็คาดไม่ถึงว่าฉินเหยียนจะกล้าทำเช่นนี้

เมื่อทุกคนดึงสติกลับมาได้แล้ว ฉินเหยียนก็แบกร่างของจ้าวจีเอ๋อร์ไว้และก้าวเท้าใหญ่เดินมาด้านทางอาณาจักรฉินแล้ว

“องค์หญิงสาม!” แม่ทัพใหญ่จ้าวอู๋ตี๋แห่งอาณาจักรจ้าวดึงสติกลับมาได้ก่อน เขาอยากเดินหน้าไปแย่งตัวองค์หญิงกลับมา แต่ฉินเหยียนกลับตะโกนเสียงดังว่า “อย่าขยับ!”

จ้าวอู๋ตี๋ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แต่จ้าวจีเอ๋อร์ยังกล้าขัดขืน

“ทำไม เจ้าจะใช้กำลังรึ?” ฉินเหยียนตะโกนอย่างผยองว่า “เจ้าเป็นผู้เสนอจะประลอง แต่แพ้แล้วยังไม่ยอมรับอีก แต่กลับโกงซ้ำแล้วซ้ำแล้ว คิดว่าอาณาจักรฉินของเราหลอกง่ายรึไง!”

จ้าวอู๋ตี๋จ้องเขม็ง “หากถ้ากล้าแตะต้ององค์หญิงสามของเราแม้แต่น้อย อาณาจักรจ้าวของเราไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

ฉินเหยียนมองคณะทูตด้วยความยั่วยุ แล้วเขาก็ตบบั้นท้ายของจ้าวจีเอ๋อร์ดังเพียะ “ข้าแตะต้องแล้ว เจ้าจะทำไมรึ?”

คณะทูตแห่งอาณาจักรจ้าวต่างพากันเงียบกริบ! ทุกคนต่างตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

ฮ่องเต้ฉินตะลึงจนตาค้าง! ฮองเฮาฉินซวงหลานเองก็มึนงงไปหมด! แม้แต่ขุนนางแห่งอาณาจักรฉันเองก็ต่างรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าใส่อย่างแรง

องค์ชายสิบสี่บ้าไปแล้ว! กล้าตีบั้นท้ายขององค์หญิงที่จะมาสมรสเพื่อสันติภาพต่อหน้าทุกคนบนงานเลี้ยงรับรองเช่นนี้ การทำสิ่งที่ผิดระเบียบย่อมทำให้กฎหมายบรรทัดฐานการปฏิบัติตัวเกิดความวุ่นวาย

เขาไม่สนใจคุณธรรมทั้งหลายอีกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์