“ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการตอบโต้”
ฉินเหยียนยืนอยู่ชั้นบนแล้วมองไปยังกลุ่มคนที่ทะเลาะกันอยู่ชั้นล่าง และพูดขึ้นว่า
“ช่วยเหลือคนจนแต่ไม่ใช่คนเกียจคร้าน สามารถช่วยผู้คนได้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตคนยากจนได้ในระยะยาว หากเหล่าชาวเมืองขี้ขลาดเกินไป เช่นนั้นก็จะเป็นคนไร้ความสามารถที่ไร้หนทางช่วยเหลือ ต่อให้ช่วยไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“ตอนนี้เหล่าชาวเมืองรู้จักตอบโต้กลับ แสดงว่าแท้จริงแล้วพวกเขายังหลงเหลือความเป็นนักสู้ เขตเสียงคังยังมีหวังอยู่”
จ้าวจีเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆแล้วมองดูการต่อสู้ที่เข้มเข้นมากขึ้นเรื่อยๆด้านล่าง นางถามขึ้นเบาๆว่า
“ท่านอ๋องเพคะ แล้วต่อไปจะทำอย่างไรเพคะ?”
ฉินเหยียนเอามือไขว้หลังแล้วแสดงท่าทีที่ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม เขาพูดอย่างมั่นใจว่า
“น้ำสามารถทำให้เรือแล่นได้ก็สามารถล่มเรือได้ ตอนนี้ตระกูลฉินสูญเสียหัวใจของชาวเมืองไปแล้ว เส้นทางความมั่งคั่งนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว เรานั่งชมอยู่ห่างๆ อีกวันสองวันจะต้องปลดตำแหน่งฮองเฮาเป็นแน่!”
......
วันถัดมา ณ ตำหนักจินหลวน
เป็นเวลาสองวันติดต่อกันที่ตระกูลขุนนางทะเลาะกันในศาล ผู้อาวุโสแต่ละตระกูลต่างทะเลาะกันอย่างหนักหน่วงเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลตนเอง พวกเขาแว้งกัดกันและไม่ยอมรับความผิดทุกข้อกล่าวหา แม้แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นๆกันอยู่ก็ไม่กล้ายอมรับ โยนความผิดกันไปมาราวกับเตะบอล
“ฝ่าบาท เรื่องเหล่านี้มันไม่อาจเชื่อถือได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เป็นคำโกหกของตระกูลฉินทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ความไม่ซื่อสัตย์ของตระกูลซ่งเป็นที่ประจักษ์กันทั่วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาทโปรดตรวจสอบอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ......”
ดังคำที่ว่าที่ใดมีหญิงสาวรวมตัวกันที่นั่นย่อมวุ่นวาย ตอนนี้เหล่าตระกูลขุนนางนับสิบกว่าตระกูล ต่างก็แย่งกันพูดอย่างไม่ยอมกัน ทะเลาะกันไปมา และสุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรถูกหรือผิด ทำเอาฮ่องเต้ฉินปวดศีรษะไปหมด
ฮ่องเต้ฉินเอื้อมมือไปบีบระหว่างคิ้ว แล้วกวาดตามองทุกคนอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า
“พวกเจ้าต่างก็เอาแต่พูดเข้าข้างตนเองไม่เลิก กัดกันไม่หยุด แล้วจะให้ข้าตัดสินอย่างไร!”
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลขุนนางต่างมองหน้ากันไปมา ไม่ว่าตระกูลไหนก็มีเรื่องสกปรก หากอธิบายอย่างละเอียดแล้วก็ไม่รอดสักคน จึงประสานมือคารวะพูดต่ออย่าไม่ลังเล
บรรยากาศในศาลครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างก็แว้งกัดกัน เถียงกันไม่หยุด ทันใดนั้นเองขันทีเกาก็ได้ถือสาส์นกราบทูลขององค์ชายเจ็ด แล้วเดินผ่านเหล่าผู้อาวุโสที่กำลังทะเลาะกันอยู่ เขาถวายสาส์นกราบทูลให้ฮ่องเต้ฉินอย่างเคารพ
ฮ่องเต้ฉินรับสาส์นกราบทูลมาเปิดอ่านแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกเดือดดาล เสียงการทะเลาะถกเถียงกันข้างหูยิ่งทำให้เขารู้สึกรำคาญใจอย่างมาก
“พวกเจ้ายังบังอาจแก้ตัวอีกรึ!”
ฮ่องเต้ฉินตะคอกแล้วเขวี้ยงแก้วชาไปยังเบื้องหน้าของคนตระกูลฉินทันที ขณะนี้คนตระกูลฉินตัวสั่นไปหมด เหงื่อไหลพราก สมองว่างเปล่าจนคิดแผนรับมืออะไรไม่ออกเลย
ฮ่องเต้ฉินนำความเดือดดาลมาลงกับคนตระกูลฉินทันที ตระกูลอื่นๆเห็นเช่นนั้นก็รีบใส่ไฟอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลฉินกระทำเรื่องเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าคิดจะก่อกบฏพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่แล้วฝ่าบาท จู่ๆมาจับชาวเมือง จับชายร่างใหญ่เช่นนี้ เป็นเพราะพวกเขาอยากจะก่อกบฏเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลฉินไม่มีความซื่อสัตย์ ข้อเท็จจริงปรากฏชัด การกระทำที่ร้ายแรงเช่นนี้ ฮองเฮาเองก็ต้องมีความเกี่ยวข้องเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่แน่ว่าตระกูลฉินกล้ามีความคิดจะก่อกบฏ อาจเป็นเพราะการสนับสนุนจากฮองเฮาก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ!”
เหล่าตระกูลขุนนางจู่ๆก็ลงเรือลำเดียวกัน และชี้เป้าไปยังตระกูลฉินทันที นั่นทำให้ตระกูลฉินไม่มีคำจะพูด อธิบายอย่างอ่อนแรงว่า
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลฉินและฮองเฮาซื่อสัตย์ต่อพระองค์อย่างสุดซึ้งพ่ะย่ะค่ะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...