องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 408

“อะไรนะ! ท่านนี้คือองค์ชายสิบสี่แห่งอาณาจักรฉินเหรอ?! เป็นไปไม่ได้?”

“องค์ชายจะมาอยู่ร่วมกับประชาชนทั่วไปได้อย่างไร เขาเป็นคนสูงส่งเชียวนะ!”

ประชาชนเริ่มพูดคุยกันทันที และไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาจะเป็นองค์ชายผู้สูงส่ง

ฉินเหยียนยื่นมืออกไปทันทีเพื่อประคองขันทีเกาให้ลุกขึ้น แสร้งทำเป็นโกรธและพูดว่า

“ขันทีรีบลุกขึ้นมาเถิด ที่นี่อยู่นอกวัง ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองอะไรเยอะแยะ ลุกขึ้นมาพูดคุยกันธรรมดาๆ เถอะ”

ขันทีเกาลุกขึ้นยืนอย่างเชื่อฟัง ประสานมือแล้วพูว่า

“ข้าละอายใจเสียเหลือเกิน วันนี้ข้าได้เห็นความชอบธรรมของพระองค์ในวันนี้ ข้าไม่อาจละเลยหน้าที่ของข้าไปได้!”

ฉินเหยียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ขันทีเกาพูดจริงจังเกินไปแล้ว”

ท่านพ่อเกาที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่อาจสงบสติอารมณ์ของตนเองได้ เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองพลางดึงเสื้อคลุมของเกาจ่านแล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบา

“จ่านเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น? คนนี้เป็นใครกัน?”

ขันทีเการีบแนะนำให้แก่ประชาชนอย่างเคร่งขรึมทันที

“ท่านผู้นี้คือองค์ชายสิบสี่แห่งอาณาจักรฉิน อดีตองค์ชายอีกทั้งยังเป็นมกุฎราชกุมารแห่งอาณาจักรฉินอีกด้วย!”

ประชาชนทั้งหมดตกใจ บางคนถึงกับไม่เชื่อหูตัวเอง

“คนใหญ่คนโตคนนี้ที่แท้ก็เป็นองค์ชายสิบสี่ พระเจ้า พวกเราไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?”

“พวกเรามีชีวิตที่ดีอย่างเช่นตอนนี้ได้ทั้งหมดเป็นเพราะพระคุณขององค์ชายสิบสี่!”

ประชาชนต่างตกตะลึงและคุกเข่าลงเพื่อแสดงความขอบคุณต่อองค์ชายสิบสี่

“รีบลุกขึ้นมา จะคุกเข่าอีกทำไมกันเล่า ข้าแค่กลัวว่าพวกเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร จึงไม่กล้าบอกตัวตนที่แท้จริง ดูพวกเจ้าทีละคนสิ ลุกขึ้นมาเถิดนะ?”

ขณะที่ฉินเหยียนพูด ก็ช่วยประคองประชาชนให้ลุกขึ้นมา

ท่านพ่อเกาเองก็ตกใจเช่นกัน ในใจของเขาไม่อาจสงบนิ่ง แม้แต่ฝันเขายังไม่กล้าฝันถึงคนใหญ่คนโตเช่นนี้ ไม่คาคดคิดว่าวันหนึ่งเขาจะได้เห็นด้วยตาของตัวเอง และได้ใกล้ชิดขนาดนี้ นี่มันยิ่งกว่าความฝันเสียอีก

จากนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าองค์ชายสิบสี่เพิ่งจะทักทายลูกชายของเขา ท่านพ่อเกาถามกลับว่า

“จ่านเอ๋อร์ เจ้ารู้จักองค์ชายได้อย่างไรกัน?”

ก่อนที่เกาจ่านจะได้อธิบาย ฉินเหยียนก็รีบอธิบายด้วยความเคารพเช่นกัน

“ท่านนี้คือหัวหน้าขันในทีวังหลวง เป็นผู้นำของทุกฝ่ายภายในพระราชวัง อีกทั้งยังเป็นคนสนิทที่สุดของฝ่าบาท”

ท่านพ่อเกาเบิกตากว้าง เขาร้องออกมา

“ลูกชายข้าเก่งมาก!”

พูดพลางจับมือลูกชายอย่างตื่นเต้น น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา

เมื่อเห็นพ่อตื่นเต้นมากขนาดนี้ เกาจ่านรู้สึกละอายใจอย่างยิ่งและพูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือกว่า

“พ่อ เรื่องมันยาวมาก แม้ว่าข้าจะทำงานเคียงข้างฝ่าบาท แต่ข้าก็เป็นเพียงแค่ขันทีคนหนึ่งเท่านั้น”

จากนั้นทุกคนต่างพากันลุกขึ้นอย่างเชื่อฟัง ขันทีเกาชื่นชมอง์ชายสิบสี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ

“องค์ชายสิบสี่ทรงมีความเมตตาเช่นนี้ ข้าได้เรียนรู้จากท่านแล้ว!”

ฉินเหยียนพูดอย่างจริงจังว่า

“ขันทีเกาจริงจังเกินไปเสียแล้ว ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ขอให้ขันทีเกาช่วยชี้แนะข้าเสียหน่อยว่านโยบายการคืนพื้นที่เพราะปลูกนั่นมีจุดใดที่ไม่เหมาะสม ช่วยสอดส่องดูว่าลูกน้องของข้าใหเการช่วยเหลืออย่างดีหรือไม่ มีใครอู้งานหรือไม่”

เมื่อขันทีเกาคิดตาม ติดตามพ่อเขาตั้งแต่ซื้อข้าวเพื่อแลกที่ดิน ทุกคนต่างช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง รักษาความยุติธรรม ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ ทั้งดูแลคนแก่ คนป่วย คนพิการ

เขาพูดอย่างจริงจัง

“ไม่มีทหารที่อ่อนแอภายใต้แม่ทัพที่เข้มแข็ง หากท่านเป็นผู้นำ คนที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของท่านจะไม่มีทางทำผิดพลาด”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ เดิมทีเขาเองก็คิดเช่นกันว่า ขันทีเกาเป็นคนสนิทของเสด็จพ่อ หากเขาต้องการตำแหน่ง “แม่ทัพ” เขาต้องพึ่งพาเงินทองและซื้อใจคน

หลังจากสิ่งที่ทำในวันนี้ ดูเหมือนว่าเขาสามารถเอาชนะใจขันทีเกาด้วยการแสดงให้เห็นว่าใจของประชาชนที่ชื่นชมเขามากเพียงใด โดยที่ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่น้อย ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเสียจริง

ฉินเหยียนตอบกลับ

“ข้ากับขันทีเกาเล่า? ในเมื่อพวกเรามาถึงเขตจังหวัดเสียงคังพร้อมกันแล้ว เช่นนั้นมาอลงพูดคุยเกี่ยวกับแผนการในอนาคตของจังหวัดดีหรือไม่?”

ขันทีเกาประสานมือพร้อมโค้งคำนับแล้วพูดว่า”

“ข้าพร้อมรับฟัง”

หลังจากนั้น ฉินเหยียนสั่งให้ใครสักคนเข้ามาดูแลพ่อขันทีเกา จากนั้นเดินออกไปพร้อมกับขันทีเกา เพื่อพูดคุยเรื่องแผนการในอนาคตของเขตจังหวัดเสียงคัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์