องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 431

พลบค่ำใกล้เข้ามาแล้ว

“ฝ่าบาทเสด็จ!”

“หม่อมฉันรับเสด็จเพคะ”

นางกำนัลและขันทีทั้งหมดต่างพากันคุกเข่าคำนับ

จ้าวจวินเดินเข้าไปในตำหนักอย่างรวดเร็ว เขากวาดตามองทุกคนแต่กลับไม่พบหญิงงามที่คะนึงหา จึงมองไปยังพระสนมหลี่อย่างลำบากใจ

วันนี้พระสนมหลี่แต่งตัวอย่างตั้งใจ จัดเต็มทั้งเสื้อผ้าและการแต่งหน้า อลังการมากกว่าปกติ

“หม่อมฉันรับเสด็จฝ่าบาทเพคะ”

“ลุกขึ้นเถิด เหตุใดข้าจึงไม่พบน้องสาวคนไกลของเจ้า?”

เขาพูดแล้วไปพยุงพระสนมหลี่ให้ยืนขึ้นไปด้วย

“ฝ่าบาทเพคะ ต่อให้จะร้อนใจเพียงใดก็ต้องดำเนินไปตามขั้นในวังตอนนะเพคะ”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็พาจ้าวจวินเข้าไปในหอนอน นางคอยปรนนิบัติเทเหล้าคีบอาหารให้อย่างไร้ที่ติ จ้าวจวินไม่ได้สนใจอาหารและเหล้าเลย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เอาแต่มองออกไปด้านนอก

พระสนมหลี่เข้าใจผู้ชายอย่างมาก นางดื่มไปด้วยและพูดถ่วงเวลาไปด้วยว่า

“ฝ่าบาทเพคะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอาหารที่พระองค์ชื่นชอบทั้งนั้น ถูกปากรึไม่เพคะ?”

ว่าแล้วนางก็คีบเนื้อกวางชิ้นหนึ่งไว้ในปากแล้วยื่นไปทางจ้าวจวิน เพื่อป้อนกับปากเอง

จ้าวจวินไม่มีอารมณ์จะเสวยเลยแม้แต่น้อย ต่อให้มีพระสนมคอยปรนนิบัติด้วยตนเอง เขาก็ไม่อยากจะเสวยเลย เมื่อทรงเสวยทั้งเหล้าและอาหารแล้ว เรียกว่ามื้อนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย

พระสนมหลี่เองรู้ดีว่าจะถ่วงเวลาต่อไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นจ้าวจวินจะโกรธ จึงได้แสร้งทำเหมือนยิ่งทำยิ่งเสีย

“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าตนเองอายุมากขึ้น ดังนั้นจึงได้ผลักดันให้น้องสาวเข้ามาในวัง หรือว่าฝ่าบาทชอบของใหม่เบื่อของเก่าจริงรึเพคะ?”

จ้าวจวินยิ้มอย่าเก้อเขิน “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าเห็นแก่ส่วนรวมมากเช่นนี้ ข้าชื่นชอบอย่างมาก จะชอบของใหม่เบื่อของเก่าได้อย่างไรเล่า?”

พระสนมหลี่ไม่แสร้งทำอีกต่อไป นางวางตะเกียบและชามข้าวลง แล้วพูดว่า

“หัวใจของฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่หม่อมฉัน หม่อมฉันเองก็ไม่ขออยู่ให้รำคาญตาเพคะ”

นางยืนขึ้นแล้วเดินไปหน้าประตู จากนั้นก็ปรบมือดังสองที เหล่าขันทีและนางกำนัลที่อยู่เรือนข้างก็ยกหญิงสามที่ถูกห่อร่างเอาไว้เดินเข้ามาในหอนอนอย่างรวดเร็ว

จ้าวจวินยืนขึ้นทันที เขาจ้องมองราวกับมีไฟปะทุออกมาทางดวงตา มองขันทีอุ้มหญิงงามไปวางไว้บนที่นอน จากที่เขาได้พบกับเฉินหย้วนหย้วนในวันนี้ ทุกการอากัปกิริยา การเคลื่อนไหวของนาง ล้วนเป็นผลต่อหัวใจของจ้าวจวิน

จ้าวจวินเผยความชื่นชอบในตัวของเฉินหย้วนหย้วนอย่างชัดเจน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอยากได้ พระสนมหลี่มองเห็นทุกอย่าง เมื่อนางกำนัลและขันทีออกไปแล้ว นางเองก็คำนับขอตัวอย่างเคารพ

“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันต้องขอประทานอภัย ขอตัวก่อนนะเพคะ”

จ้าวจวินไม่ได้ละสายตาจากเฉินหย้วนหย้วนเลย เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ไปเถิด”

“เพคะ”

พระสนมหลี่ย่อตัวแล้วเดินออกไปอย่างรู้งาน จากนั้นนางก็ไล่นางกำนัลที่อยู่ในห้องออกไปจนหมด แล้วปิดประตูอย่างแน่นหนา ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้อีก ในขณะที่นางกำลังจะหันตัวเดินจากไป ก็ได้ยินเสียงออดอ้อนของเฉินหย้วนหย้วน

“ฝ่าบาท อย่านะเพคะ......”

......

……

ณ ทุ่งกว้างนอกอาณาจักรฉิน กองทัพใหญ่ของฉินเหยียนตั้งค่าย

จ้าวจีเอ๋อร์หลีกทางแล้วพูดว่า “ในเมื่อมาส่งให้ท่านอ๋องด้วยตนเอง ก็เข้าไปเถิด”

หลู่เจารู้สึกผวาอย่างมาก “ดึกดื่นเช่นนี้ หม่อมฉันเข้าไปคงไม่ดีเพคะ”

จ้าวจีเอ๋อร์พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เหตุใดสามีของเจ้าหลินเย้าจู้จึงให้เจ้ามาส่งสาร เหตุใดเขาจึงไม่มาด้วยตนเอง เจ้ารู้รึไม่ว่าเพราะเหตุใด?”

หลู่เจาส่ายหน้า จ้าวจีเอ๋อร์จึงพยุงนางขึ้นมาแล้วพาเข้าไปในเต็นท์ด้วยแล้วพูดเสียงเบาว่า

“ในยามค่ำคืนเช่นนี้ ชายหนุ่มเมาคงไม่เหมาะ หากเจ้ามาจะไม่เป็นที่น่าสงสัย”

หลู่เจาคุกเข่าถวายจดหมายลับ “ระ รายงานเพคะท่านอ๋อง จดหมายลับเร่งด่วนจากผู้จัดการหลิวแห่งอาณาจักรจ้าวเพคะ”

ฉินเหยียนเงยหน้าขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าคนที่มาส่งสารคือหลู่เจา เขาจึงชักมือกลับมาแล้วพูดว่า

“อ่านสิ”

“หม่อมฉันรึเพคะ?” หลู่เจางุนงงไปทันที

“บอกให้เจ้าอ่านก็อ่าน”

หลู่เจาเปิดจดหมายออกอย่างหวาดกลัว

“หมากตัวสำคัญได้เข้าสู่พระราชวังแล้ว โปรดท่านอ๋องแจ้งขั้นตอนถัดไปด้วยเพคะ”

“ข้ารู้แล้ว เผาจดหมายลับซะ เจ้าถอยไปเถิด”

หลู่เจาออกจากค่ายอย่างผวา จ้าวจีเอ๋อร์รีบโม่หมึกแล้วถามขึ้นด้วยว่า “เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่เชื่อใจหลู่เจาเพคะ?”

ฉินเหยียนถือพู่กันเขียนไปด้วยแล้วพูดไปด้วยว่า “ไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อใจ นี่คือวิชาควบคุมคนของฮ่องเต้ และเป็นวิชาที่เจ้าต้องเรียนรู้ นางควรค่าแก่การเชื่อใจรึไม่ พรุ่งนี้เจ้าลองถามสามีของนางก็ได้แล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์