องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 432

จ้าวจีเอ๋อร์ฟังแล้วไม่เข้าใจ นางถามอย่างสงสัยว่า “หม่อมฉันโง่เขลานัก เรื่องวิชาควบคุมคนต้องรบกวนท่านอ๋องสั่งสอนด้วยเพคะ”

ฉินเหยียนทำสีหน้าลึกซึ้งคาดเดาไม่ถูก แล้วอธิบายอย่างฉะฉานว่า “วิชาควบคุมคน หรือก็คือวิชาควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา และเป็นวิชาอำนาจฮ่องเต้ด้วย”

“ประการแรก จงใจบอกความลับแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา จากนั้นก็ให้อีกคนหนึ่งไปถามเขา ดูว่าเขาสามารถเก็บความลับได้รึไม่ ประการสอง จงใจให้ภารกิจที่ไม่อาจสำเร็จได้ เพื่อดูว่าผู้ใดจะประจบ ผู้ใดจะห้ามปราม”

“ประการสาม จงใจกล่าวหาคนผู้หนึ่ง เพื่อดูว่าเขาจะก่อปัญหาลับหลัง หรือจะปฏิเสธตอบโต้ตรงๆ หรือเลือกที่จะอดกลั้นเอาไว้ ประการที่สี่ ใช่เรื่องที่ตนเองรู้ดีอยู่แก่ใจไปลองใจผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อดูว่าเขาจะโกหกรึไม่ ประการที่ห้า ผู้ที่สามารถทำการใหญ่ได้ จะต้องมีแผนการและวิธีรับมือที่ดีกว่าผู้อื่น โดยเฉพาะเก่งเรื่องการควบคุมใจคนเป็นพิเศษ”

ด้วยการอธิบายของฉินเหยียน จ้าวจีเอ๋อร์จึงได้เข้าใจ วิชาควบคุมใจคนของฮ่องเต้ก็คือการทดสอบผู้ใต้บังคับบัญชา มีเพียงที่ผ่านทดสอบเท่านั้นที่จะสามารถใช้ทำการใหญ่ได้ นางประสานมือคารวะอย่างนับถือ

“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ!”

เมื่อสิ้นเสียง ปิ่นหิรัญย์เสี่ยวเยว่ที่ชำระกายเสร็จก็ถูกห่อร่างแล้วยกเข้ามาในห้อง ฉินเหยียนมองนางถูกวางลงบนที่นอน และถามขึ้นอย่างมึนงงว่า

“เกิดอะไรขึ้นรึ?”

จ้าวจีเอ๋อร์ย่อตัวแล้วพูดว่า “ท่านอ๋องเพคะ วันนี้ข้าไม่ค่อยสบาย ไม่อาจร่วมนอนได้เพคะ”

ฉินเหยียนมองจ้าวจีเอ๋อร์อย่างจริงจังแล้วถามขึ้นว่า “เจ้าป่วยรึ? ไม่สบายตรงไหน?”

จ้าวจีเอ๋อร์หมดคำจะพูด ไม่กี่วันนี้ของทุกเดือนอ๋องเหยียนก็เอาแต่ถามทุกครั้ง นั่นทำให้นางไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

นางทั้งอายทั้งจนปัญญา “ท่านอ๋องอย่าถามเลยเพคะ ไม่กี่วันเดี๋ยวหม่อมฉันก็ดีขึ้นแล้วเพคะ”

ฉินเหยียนเข้าใจในทันที เขายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “ลำบากหน่อยนะ ปรนนิบัติข้าเองมิได้ ยังอุตส่าห์เตรียมไว้ให้ข้า”

เขาหันไปมองแล้วพบว่าคนที่นอนอยู่บนที่นอนคือเสี่ยวเยว่ และรู้สึกตะลึงเล็กน้อย

“โอ้ แถมเจ้ายังเตรียมเสี่ยวเยว่ไว้ให้ด้วย พัฒนาขึ้นมากเลยทีเดียว!”

จ้าวจีเอ๋อร์ใบหน้าแดงก่ำ ใจจริงแล้ว หากวันนี้ไม่ได้บังเอิญเปิดได้เสี่ยวเยว่ นางไม่มีทางให้เสี่ยวเยว่มาร่วมนอนแน่นอน

แต่ทันใดนั้น คำพูดประโยคหลังของฉินเหยียน ยิ่งทำให้จ้าวจีเอ๋อร์เขินอายกว่าเดิม

“ข้าคิดมาตลอดว่าเจ้าไม่พึงใจนาง เป็นข้าเองที่ใช้ความคิดเห็นที่เลวไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่งเสียได้! สมแล้วที่เป็นถึงองค์หญิง สมควรที่จะมีจิตใจกว้างขวาง เพียงแค่ทำเช่นนั้นได้ ผู้ที่กระทำการใหญ่ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย เจ้าจะมีอนาคตที่ไกลจนไม่อาจคาดเดาได้!”

จ้าวจีเอ๋อร์ถูกฉินเหยียนเอ่ยชื่นชมจนทำให้หน้าแดงไปหมด ไม่คิดว่าการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจนี้จะทำให้นางได้รับคำชื่นชมจากฉินเหยียน ทำเอานางดีอกดีใจอย่างมากจนใบหน้าแดงขึ้นมา และยิ้มแล้วพูดว่า

“ท่านอ๋องบรรทมเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนเพคะ”

จากนั้นฉินเหยียนก็เอาจดหมายลับออกมาแล้วส่งให้หลินเย้าจู้ พร้อมออกคำสั่งว่า

“นี่คือจดหมายลับ ช่วยส่งไปทีนะ”

หลินเย้าจู้รับจดหมายลับมาอย่างมึนงง เขาถามด้วยสีหน้าลำบากใจว่า

“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จดหมายนี้ส่งให้ผู้ใดรึพ่ะย่ะค่ะ?”

หากหลินซิ่วไฉ ไม่ถามคำถามนี้ ก็หมายความว่าภรรยาของเขาหลู่เจาได้บอกเนื้อหาในจดหมายเมื่อวานแก่เขาแล้ว แต่เมื่อเขาถามขึ้น ก็แสดงว่าภรรยาของเขาหลู่เจา ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องจดหมายลับเมื่อวานนี้

ฉินเหยียนถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า “ภรรยาของเจ้าไม่เคยบอกเจ้ารึ ว่าเมื่อคืนนางมาอ่านจดหมายลับให้ข้าที่ค่าย การตอบกลับจดหมายในวันนี้ จะส่งให้ผู้ที่ส่งจดหมายลับมาเมื่อวานนี้”

หลินเย้าจู้รีบคุกเข่าลงอย่างผวา แล้วกราบกราน “ข้าน้อยไม่กล้าแอบฟังความลับของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรท่านอ๋องโปรดให้อภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ให้อภัยในความรู้เท่าไม่ถึงการของภรรยาของข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ จดหมายนี้เป็นความลับสุดยอด ต่อให้จะบอกกล่าวพวกข้าเองก็ไม่กล้ารับฟังพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยไม่บังอาจล่วงละเมิดพ่ะย่ะค่ะ”

นั่นหมายความว่าหลินเย้าจู้คือคนที่แยกแยะออก สิ่งที่ควรรู้ก็จะรู้ไว้ ไม่ควรรู้ก็จะไม่รับฟังเด็ดขาด คนผู้นี้สามารถใช้ทำการใหญ่ได้!

“หลินซิ่วไฉกล่าวเกินไปแล้ว ลุกขึ้นเถิด อย่าเอาแต่คุกเข่าเลย”

เขาพยุงหลินซิ่วไฉให้ยืนขึ้นเอง “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าเจ้าผู้ที่รอบรู้ มีความรู้มากมายทีเดียว ข้าอยากจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าสามารถแก้โจทย์นี้ได้ ข้าจะทำให้เจ้าได้ฟื้นตระกูลหลิน ทำให้เจ้าทรงเกียรติเช่นชื่อของเจ้า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์