ยามค่ำคืน
บนเส้นทางตะวันออกเฉียงใต้นอกเมืองเปี้ยนจิง
หลิวเชียนเชียนและเหล่าองครักษ์เงาได้เฝ้ารออยู่นานแล้ว
หลี่ชางรีบควบม้ามารวมตัว เขารีบลงจากรถม้าแล้วประสานมือคารวะต่อหลิวเชียนเชียนแล้วพูดว่า
“ปฏิบัติภารกิจลุล่วงขอรับ ทั้งสองเรื่องได้สำเร็จลุล่วงแล้วขอรับ นี่คือของที่สนมเสาวคนธ์ให้มาขอรับ”
หลี่ชางนำผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดและหยกของสนมเสาวคนธ์ให้หลิวเชียนเชียนอย่างเคารพนับถือ
นางรับมาเปิดอ่าน เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดพลาดก็รีบใส่ลงหีบผ้าทันที
“จัดการได้ไม่เลว ตามข้ามา”
หลิวเชียนเชียนพาหลี่ชางมายังมุมที่ไม่มีใคร แล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ความแค้นของเจ้าพวกข้าจะล้างแค้นให้เอง แต่ต่อไปนี้เมืองเปี้ยนจิงจะเกิดความโกลาหลขึ้น เจ้าและจ้าวหรงจียังเป็นเด็ก นี่ไม่ใช่สนามรบของพวกเจ้า”
“ผู้คุมหอขอรับ!” หลี่ชางน้ำตาไหลพราก “แต่ว่าข้าอยากจะสังหารศัตรูด้วยมือของข้าเอง ข้าเคยสาบาน ว่าหากไม่ได้สังหารจ้าวฉี่หมิงด้วยตนเอง ก็ไม่มีหน้าไปพบแม่ของข้าขอรับ”
“เด็กดี แม่ของเจ้ายอมสละชีวิตเพื่อช่วยเจ้าออกมา ไม่ได้อยากให้เจ้าไปรนหาที่ตาย เป็นเด็กดีนะ”
หลิวเชียนเชียนเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้ารีบพานายน้อยกลับไป พอถึงชายแดนแล้วก็นำของๆสนมเสาวคนธ์มอบให้อู๋ซานกุ่ย จากนั้นก็ใส่ร้ายจ้าวฉี่หมิง ทำให้อู๋ซานกุ่ยโกรธเกรี้ยวอย่างสุดขีด นำกองทัพก่อกบฏ การยืมมือฆ่าพวกมัน เจ้าถึงจะเอาคืนได้อย่างสาสม เข้าใจรึไม่?”
หลี่ชางเช็ดน้ำตาอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วคุกเข่าประสานมือคารวะพูดว่า “จะปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงขอรับ”
หลิวเชียนเชียนบอกลาแล้วให้เหล่าองครักษ์เงาไปคุ้มครองส่งพวกเขา ต้องรับรองว่าทั้งสองจะเข้าไปในดินแดนอาณาจักรฉินอย่างปลอดภัย
“ผู้คุมหอวางใจเถิดขอรับ ข้าน้อยรับรองว่าภารกิจจะสำเร็จลุล่วงขอรับ”
“ผู้คุมหอขอรับ หากพวกเราไปแล้วท่านจะเหลือตัวคนเดียว รักษาด้วยนะขอรับ”
หลิวเชียนเชียนโบกมืออย่างจำใจ “ไม่ต้องเป็นห่วงข้า รีบไปกันเถิด!”
เมื่อโบกมือลากันแล้ว หลิวเชียนเชียนก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วเริ่มวางแผนเรื่องโอนย้ายทรัพย์สิน
......
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน รถม้าสั่นไปมาตลอดทางทำให้จ้าวหรงจีตื่นขึ้น
จ้าวหรงจีค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่ายังอยู่บนรถม้า เขารีบนั่งแล้วมองไปนอกหน้าต่าง แล้วพบว่ารถม้ากำลังเคลื่อนที่อยู่ถิ่นทุรกันดาร
จ้าวหรงจีได้สติขึ้นมาทันที เขารีบเปิดม่านประตูแล้วเห็นคนขับรถม้า นอกจากชายอายุรุ่นเดียวกันที่มารับเขาเมื่อครู่นี้ ยังมีคนชุดดำอีกเจ็ดแปดคนที่ขี่ม้าล้อมรอบรถม้าไว้ ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึงแล้วถามด้วยเสียงสั่นคลอนว่า
“เราต้องเดินทางติดต่อกันเพื่อส่งท่านไปยังข้างกายขององค์หญิงสาม นี่ก็สายแล้ว นายน้อยพักผ่อนในรถม้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
แต่จ้าวหรงจีกลับนั่งลงบนรถม้าแล้วพูดยิ้มแย้มว่า “กว่าจะได้มีโอกาสออกมาจากพระราชวัง ท่องโลกกว้างตามใจข้า ข้าจะนั่งรถไปกับพวกเจ้า เราเดินทางด้วยเถิด”
พวกเขาไม่พูดอะไรมากความต่อ แล้วเดินทางต่ออย่างรวดเร็ว เส้นทางนี้ไม่ราบเรียบนัก นอกเมืองเปี้ยนจิงไม่ว่าที่ใด ผู้คนต่างก็พลัดถิ่นไปทุกที่ หิวโหยและอดอยาก
บนเส้นทางที่เดินทางมาก็พบว่ามีเหล่าชาวเมืองที่ลำบากถูกทุบตีจนเลือดออกเพราะอาหารเพียงหนึ่งคำ และยังมีบางคนที่หิวจนเป็นคลั่งไป ยอมเอาลูกของตนเองไปแลกกับอาหาร เป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างมาก
“ชีวิตนอกพระราชวังเป็นเช่นนี้มาตลอดเลยรึ?”
จ้าวหรงจีถามอย่างด้านชา หลี่ชางควบม้าและอธิบายไปด้วยว่า “นายน้อยอาจไม่ทราบ ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการกระทำของเหล่าขุนนางผู้ทรงอำนาจพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่ชางได้บอกประวัติของตนเองคร่าวๆและได้พูดถึงเรื่องเลวร้ายที่จ้าวฉี่หมิงกระทำมา เหล่าชาวเมืองมีชีวิตที่เดือดร้อนมากแค่ไหน
ภาพเหล่านี้ทำให้จ้าวหรงจีมีความรู้สึกที่รุนแรงอย่างมาก เขาภาพมองศพเกลื่อนแล้วได้สาบานว่า
“หากในอนาคตข้าได้มีโอกาสสืบสันตติวงศ์ของราชวงศ์ ข้าจะฆ่าพวกขุนนางที่โลภและทำเรื่องเลวร้ายให้หมด เพื่อให้ชาวเมืองได้มีชีวิตอย่างสุขสบาย”
“ขอให้เป็นเช่นนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ ไป!”
รถม้าเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...