องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 437

เมื่อเห็นว่าสามีของตนเองกระวนกระวายเช่นนี้ หลู่เจาก็พูดอย่างปวดใจว่า “หรือว่าให้ข้าไปขอร้องท่านอ๋องแทนดี?”

หลินเย้าจู้ปฏิเสธแล้วพูดว่า “ไม่ได้นะ นี่คือโจทย์ทดสอบที่ท่านอ๋องออกให้ข้า เป็นโอกาสที่ท่านอ๋องมอบให้ข้า แล้วจะถอดใจอย่างง่ายดายได้อย่างไร!”

ฉินเหยียนที่อยู่บนเนินเขาอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกว่า “ความจริงแล้วเจ้าน่าจะเอาอย่างเมียเจ้าบ้างนะ”

หลินเย้าจู้และหลู่เจารีบประสานมือคารวะแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง”

ฉินเหยียนเดินลงมาจากเนินเขาอย่างรวดเร็วแล้วจงใจพูดว่า

“หลินซิ่วไฉ เมื่อใดที่ควรยอมก็ยอมสยบเสีย ขอร้องข้า ข้าอาจจะบอกคำตอบที่ถูกต้องแก่เจ้าก็ได้”

หลินเย้าจู้ตอบปฏิเสธอย่างจริงจังว่า “หาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ บททดสอบที่ท่านอ๋องมอบให้แก่ข้านี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องพึ่งตนเองให้มีเกียรติให้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อฉินเหยียนเห็นว่าหลินเย้าจู้ดึงดันเช่นนั้นก็ไม่เกลี้ยกล่อมต่อ

“เช่นนั้นข้าจะให้เวลาเจ้าอีกหน่อย กำหนดเส้นตายก่อนจะถึงด่านเจียยวี่ สองสามวันนี้เจ้าก็ลองคิดให้ดีละกัน!”

หลินซิ่วไฉประสานมือคารวะแล้วพูดอย่างซึ้งใจว่า “ขอบพระทัยในความเมตตาพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็พาภรรยาของเขาหลู่เจากลับค่ายไป

ที่ริมมีน้ำจึงเหลือเพียงฉินเหยียนตัวคนเดียว เขาเดินไปตามริมแม่น้ำอย่างไร้จุดหมาย แล้วพึมพำว่า

“น่าขันจริงๆ ไม่อยากกลับค่ายแล้วข้าจะไปไหนได้นะ?”

ต้าหย่งที่อยู่ข้างๆฉินเหยียนพูดว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ที่ค่ายสุขสบาย เหตุใดจึงไม่อยากกลับไปละพ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินเหยียนหน้ามุ่ย เขาเองก็อยากกลับค่ายเหมือนกัน แต่เพียงแค่นึกถึงว่าต้องถูกพวกปีศาจน้อยรังควาน เขาก็รู้สึกปวดเอวขึ้นมาเล็กน้อย

แล้วพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า “ข้าอยากกลับไป แต่เอวข้าทนไม่ไหวแล้ว!”

ต้าหย่งหัวเราะเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเรื่องว่า “เช่นนั้นก็พอดีเลยพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพสือมาขอเข้าพบ ทรงจะพบรึไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินเหยียนพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “แม่ทัพสือมาก็ต้องพบอยู่แล้ว เหตุใดจึงไม่รีบพูด”

ต้าหย่งอธิบายว่า “แม่ทัพสือเองก็เพิ่งมาถึงพ่ะย่ะค่ะ กำลังรออยู่ที่ค่ายพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนไม่สนเรื่องปวดเอวแล้วพาต้าหย่งเดินกลับไปยังค่ายอย่างรวดเร็ว

ฉินเหยียนเปิดประตูเต็นท์แล้วพบว่าสือเหล่ยกำลังรออยู่ในเต็นท์แล้ว

สือเหล่ยส่ายหน้าอย่างหนักใจ “พวกตระกูลขุนนางพวกนั้นดูเหมือนจะเชื่อฟังการจัดแจงขององค์ชายใหญ่ แต่ลับหลังก็ทำร้ายชาวเมืองอย่างไร้ยางอายเช่นเคย องค์ชายใหญ่ควบคุมไว้ไม่อยู่พ่ะย่ะค่ะ”

จะว่าไปแล้วก็ใช่ พี่ใหญ่ซื่อสัตย์และเที่ยงตรง หากจะมีคนทำอะไรลับหลังเขา เกรงว่าพี่ใหญ่คงจับไม่ได้ง่ายๆ

ฉินเหยียนครุ่นคิดแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ฉวยโอกาสนี้ เจ้าระดมรับสมัครกองกำลังพยายามทำให้ชาวเมืองเยี่ยนหยุนมาอยู่ในกองทัพ รอข้าไปถึงเยี่ยนหยุนสิบหก ข้าจะทำการสังหารพวกทรยศทิ้งเอง คืนความยุติธรรมให้แก่ชาวเมือง!”

สือเหล่ยแสดงสีหน้าซาบซึ้งแล้วประสานมือคารวะพูดว่า “ขอบพระทัยในความเห็นใจชาวเมืองพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง!”

ฉินเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่ต้องขอบคุณข้า เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”

สือเหล่ยรายงานต่อว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ คำสั่งการตัดศีรษะที่ได้รับสั่งมา ข้าได้ปฏิบัติสังหารแกนนำของตระกูลขุนนางไปแล้ว สังหารผู้ที่สมควรถูกสังหาร แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ลอบสังหารไม่สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนขมวดคิ้ว ฉินเหยียนเป็นผู้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้และลอบสังหารให้แก่สือเหล่ยด้วยตนเองเชียวนะ มันเพียงพอแล้วต่อการที่จะต่อกรกับพวกตระกูลขุนนางในโบราณ ใครกันที่หนีไปได้?

เขารีบถามขึ้นว่า “ใคร?”

สือเหล่ยประสานมือตอบกลับว่า “ไท่ฟู่ซ่งฉางชิงพ่ะย่ะค่ะ ลอบสังหารเขาหลายต่อหลายครั้งแต่คนที่ตายล้วนเป็นตัวแทนของเขาทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ เขาไม่เคยเผยตัวตนเลยสักครึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างไท่ฟู่จะจัดตัวแทนเอาไว้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์