องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 452

ภายในเต็นท์ผู้บัญชาการ

อู๋ซานกุ่ยนั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างเดือดดาล เหล่าเสนาธิการทัพและรองผู้บัญชาการต่างพากันก้มหน้าไม่กล้าสบตา

อู๋ซานกุ่ยกวาดตามองทุกคนแล้วพูดอย่างเดือดดาลว่า

“ปราชญ์นั้นไร้เมตตา ปฏิบัติคล้ายดั่งผู้คนเป็นหุ่นฟาง พวกข้าเสียสละเพื่อจ้าวจวิน สละชีพเพื่อเขาโดยไม่เสียใจ แต่วันนี้เขากลับแย่งเมียข้า! ความแค้นที่เมียรักจะอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันไม่ได้ ข้าและจ้าวจวินเป็นศัตรูกัน!”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วยืนขึ้นชักดาบออกมา แล้วชี้ปลายดาบไปทางทุกคนพร้อมพูดว่า

“จ้าวจวินไร้ความเมตตา ก็อย่าหาว่าข้าเป็นธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่รับใช้ราชวงศ์อาณาจักรจ้าวอีก! ทุกคนจงฟังคำสั่ง หันปลายดาบโจมตีกลับไปยังเมืองหลวง!”

ทันใดนั้นเหล่าทหารทุกคนก็รู้สึกขนลุกขึ้นมากันหมด การกบฏถือเป็นโทษใหญ่หลวง นี่เป็นการบีบบังคับให้พวกเขาไปรนหาที่ตายไม่ใช่รึ!

เสนาธิการทัพประสานมือคารวะพูดอย่างเที่ยงธรรมว่า “หามิได้พ่ะย่ะค่ะท่านแม่ทัพ การนำทัพก่อกบฏนั้นมีโทษถูกประหารทั้งตระกูล ท่านแม่ทัพอย่าใช้อารมณ์ในการ......”

อู๋ซานกุ่ยชูดาบขึ้นแล้วฟันลงไป ทันใดนั้นศีรษะของเสนาธิการทัพที่พูดอยู่ก็ตกลงพื้น ตรงคอมีเลือดปะทุออกมามากมาย ร่างกายล้มลงกับพื้น

เหล่าทหารที่เห็นเช่นนั้นต่างก็เบิกตากว้างแล้วตกใจกลัวอย่างมาก พวกเขาเหงื่อแตกทันที

อู๋ซานกุ่ยถือดาบชี้ไปยังเสนาธิการทัพที่หัวขาดราวกับยมทูต แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า

“ผู้ใดที่ฝ่าฝืนคำสั่งของข้า นี่คือจุดจบของมัน!”

เสนาธิการในเต็นท์ไม่กล้าออกความเห็นต่างอีกต่อไป ต่างก็พากันคุกเข่าลงแล้วประสานมือคารวะด้วยตัวสั่นเทา

“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งขอรับ!”

ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดๆเลย บรรยากาศภายในเต็นท์เย็นยะเยือกไปหมด

ทันใดนั้นเองทูตที่หยางจิ่นซิ่วส่งมาก็เข้ามาอย่างผิดเวลา เขาเข้ามาเต็นท์แล้วพูดเร่งว่า

“แม่ทัพอู๋ ข้าคือทูตที่แม่ทัพหยางจิ่นซิ่วแห่งอวิ๋นเฉิงส่งมา อีกระยะทางการเดินทางอีกหนึ่งวันก็จะสามารถถึงอวิ๋นเฉิงแล้ว เหตุใดท่านแม่ทัพอู๋จึงจะไม่เคลื่อนทัพเสียที อวิ๋นเฉิงรอกำลังสนับสนุนจากท่านอยู่นะขอรับ!”

อู๋ซานกุ่ยเดือดดาลอย่างมาก เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะเป็นศัตรูกับอาณาจักรจ้าว เจ้าคนโง่คนนี้ยังคิดอยากให้เขาไปสนับสนุนอีก เขาตะโกนอย่างเดือดดาลว่า

“สนับสนุนบ้าอะไรของเจ้า! ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรจ้าวกระทำเรื่องไม่ดีต่อข้า แล้วยังคิดจะให้ข้าสละชีพให้ ข้าจะยังสนับสนุนบ้าอะไรอีก!”

เมื่อเห็นว่าท่าทีของอู๋ซานกุ่ยผิดจากปกติ ทูตอวิ๋นเฉินก็มีความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา เขาถามขึ้นอย่างเหลือเชื่อว่า

“หรือ หรือว่าเจ้าจะก่อกบฏ?”

แต่หวังจื้อหย่วนกลับไม่คิดเช่นนั้น ด้วยเรื่องนี้เขาสามารถทำให้พวกพ้องไปถึงอวิ๋นเฉิงได้อย่างปลอดภัย แถมยังสามารถส่งจดหมายได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

......

แบ่งออกเป็นสองด้าน

ในตอนนี้ทางชายแดนอาณาจักรจ้าวได้ถูกปิดตายแล้ว เหล่าองครักษ์เงาพยายามหาวิธีต่างๆนานา แต่ก็ไม่สามารถพาจ้าวหรงจีข้ามชายแดนไปได้เลย สถานการณ์ถึงทางตันทันที

ในขณะที่หลี่ชางและทุกๆคนกำลังพยายามคิดหาวิธีกันอยู่ ก็ได้รับจดหมายนกพิราบของหวังจื้อหย่วน ในจดหมายเขียนไว้ว่าหวังจื้อหย่วนมีวิธีทำให้พวกเขาออกจากอาณาจักรได้แล้ว พบกันที่ริมฝั่งแม่น้ำในเขตชานเมืองคืนนี้เวลายามจื่อ แล้วจะบอกรายละเอียด

หลี่ชางเก็บจดหมายแล้วรีบพาพวกจ้าวหรงจีไปรออยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำในเขตชานเมืองตามที่นัดหมายก่อนแล้ว

สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน เพิ่งจะผ่านยามจื่อไม่นาน

บนริมฝั่งแม่น้ำในเขตชานเมือง หวังจื้อหย่วนใช้ประโยชน์ในตอนกลางคืนเข็นรถไม้ออกมาปรากฏอยู่ตรงสายตาของพวกหลี่ชาง

หวังจื้อหย่วนไม่พูดอะไรมากความ เขารีบนำชุดเครื่องแบบทหารที่แอบขโมยออกมาจากค่ายทหารของอู๋ซานกุ่ยให้กับพวกหลี่ชาง

“พวกเจ้ารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ นำศพในรถไปส่งที่อวิ๋นเฉิง นี่คือทูตที่หยางจิ่นซิ่วส่งมาและถูกอู๋ซานกุ่ยตัดศีรษะ อู๋ซานกุ่ยจะก่อกบฏแล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์