องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 453

“ว่าอย่างไรนะ! เหตุใดอู๋ซานกุ่ยจึงจะก่อกบฏ!”

จ้าวหรงจีไม่เข้าใจ เมื่อได้ยินว่าอู๋ซานกุ่ยก่อกบฏ เขาก็รู้สึกหูอื้อไปทันที แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

แน่นอนว่าหลี่ชางและเหล่าองครักษ์รู้ดีกันอยู่แล้วจึงไม่ได้ถามอะไรมากมาย พวกเขารีบเปลี่ยนชุดของทหารแล้วพูดว่า

“อย่าถามมากเลย เดินทางมานี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกรึ ว่าอู๋ซานกุ่ยเดิมทีก็ไม่ใช่คนดีอะไร การที่เขาจะก่อกบฏก็ขึ้นอยู่กับเวลา รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด อย่างไรก็ต้องออกจากที่นี่ก่อน”

แม้ว่าจ้าวหรงจีจะมีคำถามมากมาย แต่เขาเข้าใจว่าหากไม่ออกจากที่นี่ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้ออกไปอีกแล้ว เขาเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วรีบเปลี่ยนชุดเครื่องแบบทหาร

เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้ว พวกหลี่ชางก็รีบเดินทางไปอวิ๋นเฉิงในยามค่ำคืนทันที

.......

อวิ๋นเฉิง จวนเจ้าเมือง

สีหน้าของหยางจิ่นซิ่วซีดเซียว นางกัดผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แล้วยื่นมือไปหยิบผงยาจินฉวงมาทาบนแผลที่ไหล่ ที่ถูกลูกธนูยิง

ทันทีที่สัมผัสโดนแผลก็เจ็บจนหยางจิ่นซิ่วหน้าซีดเซียวกว่าเดิม นางเหงื่อแตกเหงื่อไหลลงมาตามโครงหน้า ตัวสั่นไปทั้งร่างจนแทบจะหมดสติไป แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นนางก็ยังคงทำต่อไป นางกัดผ้าเอาไว้แน่น จนกระทั่งบาดแผลทั้งหมดถูกผงยาทาจนทั่ว

จากนั้นนางก็คายผ้าเช็ดหน้าในปากออกมา นางใช้มือและปากในการพันแผลเอาไว้ ค่อยๆพันรอบแผลที่ไหล่ เมื่อพันแผลเสร็จแล้วหยางจิ่นซิ่วก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็สวมใส่ชุดเกราะอย่างลำบาก

เมื่อจัดการความเรียบร้อยเสร็จแล้วหยางจิ่นซิ่วก็จัดการอารมณ์และท่าทีของตนเอง นางไม่อยากให้เหล่าชาวเมืองและเหล่าหทารเห็นนางในด้านที่บาดเจ็บไร้ชีวิตชีวา นางเงยหน้ายืดออกทันที แล้วเดินออกจากจวนไปอย่างน่าเกรงขาม

นางเดินอยู่บนท้องถนน และพบชาวเมืองเร่ร่อนลำบากมากมาย สงครามในครั้งนี้อวิ๋นเฉิงพยายามอดทนมาหลายเดือนแล้ว ภายในเมืองมีสภาพทรุดโทรม เต็มไปด้วยฝุ่นควัน

เหล่าทหารเหนื่อยบ้าไปทั้งกายใจ ได้รับบาดเจ็บหนักแตกต่างกันไป พวกเขาพยายามฝืนยืนอยู่ตำแหน่งของตนเอง ชาวเมืองไม่หลงเหลืออาหารอีกแล้ว แม้แต่เปลือกไม้และใบหญ้าตามท้องถนนก็แทบจะกินจนหมดแล้ว

ทุกคนหิวโหย ซีดเซียว ผอมแห้ง เซื่องซึม และนอนอยู่ริมถนนกำลังจะตาย ยากที่จะแยกระหว่างเป็นหรือตาย หยางจิ่นซิ่วเห็นภาพที่บาดใจเหล่านี้แล้วก็ปวดใจ แต่ก็ไร้กำลัง

นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดกองสนับสนุนอยู่ใกล้แค่นี้ แต่กลับยังไม่มาช่วยเหลือ ขืนเป็นอบบนี้ต่อไป อวิ๋นเฉิงก็จะกระสุนหมดเสบียงก็เกลี้ยง แล้วฝืนต่อไปไม่ไหว!

ในขณะที่นางบ่นอยู่ในใจก็มีทหารเข้ามารายงาน “รายงานขอรับท่านแม่ทัพ ทูตกลับมาแล้วขอรับ!”

ทันใดนั้นหยางจิ่นซิ่วก็ดีใจอย่างมาก นางรีบพูดว่า “รีบพาข้าไปพบทูตเร็วเข้า!”

“ขอรับ!”

หยางจิ่นซิ่ววิ่งตามทหารที่นำทางไป และพบกับทหารที่สวมชุดเครื่องแบบในค่ายของอู๋ซานกุ่ยกำลังเข็นรถไม้มาทางนาง

หยางจิ่นซิ่วขมวดคิ้วแล้วเปิดเสื่อฟางขึ้น แล้วพบศพของทูตที่ถูกตัดศีรษะ นางตกตะลึงและถามขึ้นอย่างเหลือเชื่อว่า

แยกย้ายกันไปเป็นสองทาง

ส่วนหลี่ชางและจ้าวหรงจีก็รีบควบม้าไปฐานโจรป่าของสือเหล่ย พวกนางเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดหลี่ชางและจ้าวหรงจีก็ได้มาถึงแล้ว

เมื่อเหล่าโจรป่าเห็นว่าหลี่ชางกลับมาแล้วก็รีบเดินไปต้อนรับ

หลี่ชางไม่กล้าหยุดพัก เดิมทีคิดว่าจะพาจ้าวหรงจีไปพบสือเหล่ยผู้เป็นพ่อบุญธรรมเลย แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวหรงจีเหน็ดเหนื่อยมาก จึงได้บอกกับเหล่าโจรป่าว่า

“เขาคือคนสำคัญที่ท่านอ๋องรับสั่งให้พากลับมาลับๆ ดูแลเขาให้ดี ห้ามขาดตกบกพร่องเด็ดขาด!”

เหล่าโจรป่ารู้กฎระเบียบเป็นอย่างดี จึงตอบกลับว่า “วางใจเถิด แม่ทัพสือรอเจ้ามานาน รีบเข้าไปเถิด”

หลี่ชางรีบเดินเข้าไปด้านในทันที เขาประสานมือคารวะอย่างเคารพแล้วพูดว่า

“ท่านพ่อ ชางเอ๋อร์กลับมาแล้วขอรับ”

สือเหล่ยที่กำลังครุ่นคิดว่าจะดำเนินแผนการขั้นต่อไปอย่างไรดี เมื่อเห็นว่าหลี่ชางกลับมาแล้วก็ตาเป็นประกาย แล้วรีบเดินไปพยุงพร้อมถามขึ้นว่า

“ชางเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้วรึ ไหนให้พ่อดูหน่อย เจ้าผอมไปแล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์