บนถนนในเมืองอวิ๋นเฉิง
ฉินชงถามออกไปด้วยความคาดหวัง
“ตามที่เจ้าพูด แสดงว่าเจ้าได้คำนวณความคิดของอู๋ซานกุ่ยเอาไว้หมดแล้ว เช่นนั้นแสดงว่าความร่วมมือจะเป็นอันตกลงทันที”
ฉินเหยียนยิ้มอย่างเย็นชา
“พี่ใหญ่ ท่านพี่ไร้เดียงสาเกินไปเสียแล้ว คิดเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่อง่ายเสียหมด”
ฉินชงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นหรือ?”
ฉินเหยียนพูดต่อ
“ข้ายอมรับเงื่อนไขทุกข้อที่เขาเสนอมา แต่มีเงื่อนไขเดียวที่เขาห้ามคิดข้ามมา”
ฉินชงถามด้วยความสงสัย
“เงื่อนไขใดหรือ?”
ฉินเหยียนพูดอย่างจริงจัง
“เรื่องอำนาจของผู้บัญชาการทหารสูงสุด”
ฉินชงมีสีหน้างุนงง ฉินเหยียนอธิบายอย่างใจเย็นว่า
“คนอย่างอู๋ซานกุ่ย ที่มีนิสัยเหมือนพวกทหารผู้บัญชาการ เอาตัวเองเป็นใหญ่ ให้ความสำคัญกับตนเองเป็นอันดับแรกเสมอ”
“แม้ว่าความรู้และความสามารถของเขาจะไม่ดีเท่าคนอื่น แต่เขาไม่มีทางฟังคนอื่นอย่างแน่นอน เขาคิดก่อกบฏกับอาณาจักรได้ คนเช่นนี้จะเป็นคนฟังคำสั่งของคนอื่นได้อย่างไรกัน”
“และในการร่วมมือกัน เขาคิดจะควบคุมทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น”
ดังนั้นเขาต้องอยากได้อำนาจในการบังคับบัญชาทั้งสามกองทัพ แม้กระทั่งสั่งการจ้าวจีเอ๋อร์ สั่งการฮ่องเต้ที่เป็นหุ่นเชิด สั่งการสือเหล่ย และควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นแน่นอน”
“หากเขาไม่ได้อำนาจนั้น การเจรจาจะหยุดชะงักในทันที”
...
ประตูซานเซี่ย
สือเหล่ยประสานมือรายงานว่า
“ข้ามาจากอาณาจักรจ้าว และข้าต้องให้ความช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่ของอาณาจักรจ้าวอย่างแน่นอน ข้าเชื่อฟังคำสั่งของฮ่องเต้องค์ชใหม่ของอาณาจักรจ้าวทุกคำสั่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของอู๋ซานกุ่ยมืดมนลงทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ในเมื่อเจ้าอยากร่วมมือกับข้า เข้าต้องแสดงความจริงใจบ้าง หากเจ้าไม่ทำตามคำสั่งข้า ต่างฝ่ายต่างลงมือในแบบของตนเอง จะร่วมมือกันทำไมเล่า?”
สือเหล่ยตอบอย่างเด็ดขาดว่า
“สงครามเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความร่วมมือ ตราบใดที่เป้าหมายยังเป็นเช่นเดิม”
อู๋ซานกุ่ยตากระตกสองครั้ง เขาไม่อยากยอมแพ้สือเหล่ยที่เป็นถึงแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ลงเช่นนี้ เขาเริ่มโมโหเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาสนับสนุนฮ่องเต้องค์ใหม่ และทุกอย่างขึ้นอยู่กับอำนาจของฮ่องเต้ ทหารที่อยู่รอบข้างเขาจะไม่เชื่อฟังคำสั่งเขาอีกต่อไป และรวมถึงตัวเขาด้วยที่ต้องฟังคำสั่งของราชสำนัก
ท้ายที่สุด แม้ยึดครองประเทศ ทหารและเจ้าหน้าที่แล้ว เขาจะต้องติดตามราชสำนักไป และกลายเป็นคนไม่มีพวกพ้อง อยู่คนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบต่อไป
แต่ว่าในเวลานั้นเขาไม่อยากจะโต้ตอบ แต่ในท้ายที่สุดเขาจะต้องโจมตีกลับ
หากต้องการก่อกบฏต่ออาณาจักรฉินในภายหลัง ต้องร่วมมือทันทีและเชื่อฟังคำสั่ง แต่ความเย่อหยิ่งในใจนั้นไม่คิดที่จะยอมก้มหัวให้อย่างแน่นอน
ในความคิดของอู๋ซานกุ่ยใตอนนี้เหมือนมีคนสองคนกำลังตีกัน ไม่มีใครสู้ชนะ นั่นทำให้เขาอารมณ์เสีย
ด้วยความรำคาญเขาจึงตบโต๊ะและลุกขึ้นมา
“หากตกลงกันไม่ได้ วันนี้ก็พักเถิด แยกย้าย!”
หลังจากพูดเช่นนั้นเขาก็เดินออกไปด้วยความโกรธ
ทหารในห้องต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง สองฝ่ายต่างหารือกันมาถึงจุดนี้แล้ว แต่กลับไม่ราบรื่น
ยิ่งไปกว่านั้น หากพาตัวประกันอาณาจักรจ้าวกลับไป ไม่เพียงแต่อู๋ซานกุ่ยเท่านั้น แม้แต่กองทัพก่อกบฏอย่างพวกเขา ก็จะได้รับการล้างความผิดให้อีกด้วย
เหตุใดถึงไม่ยอมเห็นด้วยกับแผนการนี้เล่า?
ทหารต่างมองหน้ากันและกระซิบกันว่า
“ข้าเองก็ไม่อยากถูกประหารเก้าชั่วโคตรนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...