องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 527

เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นต่างมองหน้ากัน องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ก้าวขึ้นไปแล้วประสานมือคารวะว่า

“ท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ ลูกมีคนผู้หนึ่งจะเสนอพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินถามขึ้นว่า “ผู้ใดรึ?”

ฉินอวี่เองก็ไม่อ้อมค้อม เขาพูดตรงๆว่า “พระชายาของลูกเอง จางอวิ๋นซู”

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้วเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นก็ซุบซิบกันใหญ่

ฮ่องเต้ฉินสีหน้าตึงเครียดขึ้น เจ้าเจ็ดเองก็มีความโลภก็อยู่หน่อย จึงได้ถามขึ้นว่า “เจ้ามีความเห็นแก่ตัวรึ?”

ฉินอวี่พูดจริงจังว่า “ท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ เลือกความสามารถอย่าเลี่ยงญาติ พระราชายาของข้าจางอวิ๋นซูนั้นได้ดูแลวิสาหกิจมานานกว่าครึ่งปี จัดการได้อย่างมีระเบียบ และสร้างรายได้ได้ตลอดมา นางมีความรู้เกี่ยวกับการจัดการเงินและเสบียงมากมาย ดังนั้นลูกจึงกล้ากราบทูลขอตำแหน่งนี้ให้ก่อนพระชายาของลูกพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อฉินอวี่อธิบายแล้วสีหน้าของฮ่องเต้ฉินก็ผ่อนคลายลง ที่จริงแล้วเรื่องที่จางอวิ๋นซูคอยจัดการดูแลวิสาหกิจฮ่องเต้ฉินเองก็เคยได้ยินมาเช่นกัน หญิงชาวเมืองที่สามารถจัดการดูแลวิสาหกิจที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างมีระเบียบเช่นนี้ มีความสามารถที่ไม่อาจดูถูกได้จริงๆ บัดนี้ในพระราชสำนักเองก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าจางอวิ๋นซูด้วย

ดูท่าแล้วฉินเหยียนได้คำนึงถึงเหตุการณ์นี้มาก่อนแล้ว หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้วฮ่องเต้ฉินก็ตอบกลับว่า

“ในเมื่อจงอวิ๋นซูมีความสามารถเหนือผู้อื่น เช่นนั้นข้าก็ขอแต่งตั้งให้นางเป็นรองเจ้ากรมพระคลัง ให้มาดำเนินหน้าที่นี้”

ฉินอวี่สีหน้าดีใจอย่างมาก เขาประสานมือคารวะ “ขอบพระทัยท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วฮ่องเต้ฉินก็โบกมือ “เลิกประชุมได้”

เหล่าขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นพากันคุกเข่าคำนับ “ฝ่าบาทเสด็จ ฝ่าบาทอายุยืนยาวหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”

ท่ามกลางเสียงเสด็จส่งของทุกคน ฮ่องเต้ฉินนค่อยๆเดินลงมาจากบัลลังก์แล้วไปดูสถานการณ์การสอบที่กรมมหาดไทย

กรมมหาดไทยได้ให้เหล่าผู้สอบผ่านเขียนมุมมองการรับราชการของตนเองและความเชี่ยวชาญของตนเอง หลังจากตัดสินแล้วก็ได้แบ่งพวกเขาไปยังทั้งหกกรม

บางคนได้ถูกจัดไปยังพระราชสำนัก บางคนก็ถูกส่งไปที่อื่น และทุกคนก็ได้รับราชการ เมื่อฮ่องเต้ฉินเห็นรายชื่อที่เสนาบดีกรมมหาดไทยถวายให้ ก็พึงพอใจอย่างมาก เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความปรารถนาในอนาคตในสายตาของเหล่าผู้ผ่านเข้าสอบ

......

ตำหนักหย่างซิน

ยุ่งมาทั้งวัน ฮ่องเต้ฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างเหนื่อยล้า

เมื่อเห็นกล่องผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็นึกถึงปืนพกลูกโม่ที่ฉินเหยียนถวายให้แก่เขา และจินตนาการว่าหากทหารทุกนายได้มีปืนพกลูกโม่ทุกคน เช่นนั้นเขาก็สามารถยึดครองทุกอาณาจักรได้แล้วสิ

ความคิดของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่สามารถสร้างอาวุธอันประณีตเช่นนี้ได้ จะต้องเป็นคนของเขาให้ได้ จึงได้รีบเขียนพระราชโองการแล้วออกคำสั่งว่า

“รีบส่งพระราชโองการนี้ไปยังเมืองใหม่อย่างรวดเร็วที่สุด!”

......

ผ่านไปหลายวัน ณ เมืองใหม่

ในขณะเดียวกัน

องค์ชายใหญ่ฉินชงนำกองทัพใหญ่กลับไปยังเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ เหล่าชาวเมืองต่างก็มาต้อนรับ มีการเต้นเชิดสิงโตเพื่อฉลองกองทัพกลับมาด้วยชัยชนะ

ฉินชงโบกมือให้กับชาวเมืองอย่างใจกว้าง เหล่าทหารคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังเองก็ยืดตัวตรง ใบหน้าเผยรอยยิ้มอย่างภูมิใจ เมื่อเข้าไปในพระราชวังแล้วฉินชงก็รีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักจินหลวน

เขารีบเดินเข้าไปในตำหนักแล้วคุกเข่าประสานมือคารวะ “ลูกเข้าเฝ้าท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อฮ่องเต้ฉินเห็นว่าลูกชายที่ช่วยเขาขยายดินแดนกลับมาแล้วก็ดีใจอย่างมาก เขาโบกมือด้วยรอยยิ้ม

“ชงเอ๋อร์รีบลุกขึ้นเถิด เจ้าคงลำบากแย่แล้ว”

ฉินชงลุกขึ้นแล้วประสานมือคารวะพูดว่า “การทำประโยชน์เพื่ออาณาจักรฉินคือหน้าที่ของลูก ลูกไม่รู้สึกลำบากพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินพูดอย่างพึงพอใจมากว่า “ดี! สมแล้วที่เป็นลูกชายของข้า!”

เมื่อกล่าวทักทายกันแล้วฮ่องเต้ฉินจึงพูดเรื่องสำคัญ

“บัดนี้การสอบช่วงวสันต์ก็เพิ่งจะสิ้นสุดลง เหล่าบัณฑิตก็ได้เข้ารับราชการแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการสอบจอหงวนบู๊สี่ปีหนึ่งครั้ง ในเมื่อชงเอ๋อร์กลับมาแล้ว เช่นนั้นก็การเลื่อนขั้นเหล่าทหารและการสอบจอหงวนบู๊ก็ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าละกัน”

“ลูกน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์