เมื่อเทียบกับอาณาจักรฉินแล้ว ท้องฟ้าอึมครึม
อาณาจักรฉินกำลังเจริญรุ่งเรือง และดียิ่งขึ้นทุกวัน แต่กลับกันอาณาจักรจ้าวกลับมีคนตายเกลื่อนกลาด สงครามโหมกระหน่ำไม่สงบ
อู๋ซานกุ่ยปรากฏตัวขึ้นและนำกองทัพหนึ่งแสนนายโจมตีแต่ละเมืองของอาณาจักรจ้าว เขาทำการเข่นฆ่าและปล้นชิงไปทั้งทาง ทำให้เหล่าชาวเมืองทุกข์ร้อน ความคับแค้นใจได้ร่ำลือไปทั่ว ชื่อเสียงของอู๋ซานกุ่ยฉาวโฉ่ไปหมด
ส่วนจ้าวจีเอ๋อร์พร้อมด้วยน้องชายจ้าวหรงจี นำกองทัพของแม่ทัพสือค่อยๆทำความสะอาดเมืองที่ถูกรุกรานโดยอู๋ซานกุ่ย เมืองที่อู๋ซานกุ่ยโจมตีไปแล้ว จ้าวจีเอ๋อร์และจ้าวหรงจีก็จะรีบไปทันที
เมืองที่ถูกโจมตีเสมือนนรกบนดิน เหล่าชาวเมืองต่างก็ไม่มีที่อยู่ บนถนนเต็มไปด้วยเลือด มีซากปรักหักพังอยู่ทุกแห่ง รกร้างไปหมด บางคนก็กอดครอบครัวที่สู้จนตายแล้วร้องไห้อย่างหนัก บางคนก็บาดเจ็บสาหัส พยายามดิ้นรน เสียงร้องคร่ำครวญดังขึ้นไม่ขาดสาย
จ้าวหรงจีเห็นภาพเหล่านี้อยู่บนรถม้า เขาขมวดคิ้วแล้วรู้สึกสับสนไปหมด จึงถามขึ้นเบาๆว่า
“เหตุใดจึงต้องมีคนสละชีวิต ไม่มีวิธีที่ไม่ทำร้ายชาวเมือง และสามารถทำให้เกิดความสันติสุขได้เลยรึ?”
จ้าวจีเอ๋อร์ใบหน้าเรียบนิ่ง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ตราบใดที่ทำสงครามก็ต้องมีคนสละชีวิต หากการเสียสละของคนเหล่านี้สามารถแลกความสันติสุขของอาณาจักรจ้าวในอนาคตมาได้ เช่นนั้นการเสียสละของพวกเขาก็คุ้มค่า”
จ้าวหรงจีตะลึงแล้วตอบโต้ว่า “แต่ว่าชีวิตของพวกเขาก็เป็นชีวิตนะ!”
จ้าวจีเอ๋อร์พูดอย่างเข้มงวดว่า “ไม่มีแต่ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาเปราะบาง สิ่งที่เราทำได้ก็คือการปลอบโยนหัวใจที่แตกสลายของเหล่าชาวเมืองหลังจากเกิดสงคราม ลงรถเถิด”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วจ้าวจีเอ๋อร์พาน้องชายจ้าวหรงจีลงจากรถม้า
เมื่อยืนอยู่บนถนนที่มีควันไฟ ความรู้สึกหดหู่หลังสงครามทำให้หายใจแทบไม่ออก จ้าวจีเอ๋อร์จงสายตาให้จ้าวหรงจี
จ้าวหรงจีสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วตั้งสติ เขากวาดตามองเหล่าชาวเมืองที่ถูกทำร้ายแล้วพูดเสียงดังว่า
“ทุกท่าน ข้าคือองค์ชายแห่งอาณาจักรจ้าว จ้าวหรงจี บัดนี้มีสงครามเกิดขึ้นมากมาย ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อช่วยทุกท่านสร้างที่อยู่อาศัยอีกครั้ง”
เหล่าชาวเมืองมองจ้าวหรงจีด้วยความประหลาดใจ หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้อาณาจักรจ้าวหลงใหลผู้หญิง ไม่สนใจเรื่องบ้านเมือง ไม่แยแสต่อสงครามแต่ละที่ พวกเขาก็ไม่มีทางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
พูดลอยๆไม่มีหลักฐานยืนยัน จ้าวหรงจีออกคำสั่งต่อหน้าชาวเมืองว่า
“ทหาร ตั้งหม้อขึ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพสือประสานมือคารวะ แล้วพาเหล่าทหารตั้งหม้อใหญ่ขึ้นสี่ใบกลางถนน
เหล่าชาวเมืองพากันซุบซิบเบาๆ
“องค์ชายคิดจะทำอะไร เหตุใดจึงตั้งหม้อล่ะ?”
“ใครจะไปรู้ว่าพวกราชวงศ์คิดจะวางแผนทำอะไรกันแน่”
......
ชายฝั่งแม่น้ำหวง
สำนักเฉาถูกกำจัดจนหมด และเกิดการเปลี่ยนผู้นำสำนัก ทุกพื้นที่ถูกหลิวเชียนเชียนควบคุมทั้งหมด แต่ความโกรธเกรี้ยวของนางก็ไม่ได้ลดลง นางเอาความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดไปลงกับเหล่าโจรสลัด กระทั่งได้ประกาศให้รางวัลผู้ที่เอาศีรษะของโจรสลัดมาแลกเป็นร้อยตำลึง
เว้นแต่พวกเขาจะมายอมจำนนด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นก็กวาดล้างโจรสลัดไม่เว้นแม้แต่คนเดียว
ในหมู่บ้านบนภูเขาเล็กๆอีกมุมหนึ่ง
หมอซีอุ้มเด็กทารกเอาไว้สะบักสะบอม ปรากฏตัวอยู่ที่ถนน หลายวันที่หนีตายมาหมอซีหมดหวังอย่างมาก เพื่อให้มีชีวิตต่อไป เขาทำได้เพียงขอทานไปตลอดทาง
มีคนที่จิตใจดียอมให้เงินทองแดงกับเขามาบ้างเพราะเห็นเขาอุ้มเด็กทารกเอาไว้
หมอซีรีบเก็บเงินทองแดงบนพื้นแล้วไปซื้อข้าวต้มมา จากนั้นก็ป้อนให้ฉินอู๋ซวงอย่างระมัดระวัง
ฉินอู๋ซวงเป็นเด็กดีอย่างมาก นางไม่ร้องไห้โวยวายเลย แต่อาจเพราะหิวโซมากแล้วจึงได้ทานซุปข้าวต้มใหญ่ ไม่ทันระวังจึงได้สำลักแล้วไอขึ้นมา ทำเอาใบหน้าแดงไปหมด
หมอซีตบหลังให้ฉินอู๋ซวงเบาๆแล้วพูดอย่างปวดใจว่า
“เจ้าเด็กน้อย ชีวิตเจ้าช่างยากลำบากยิ่งนัก ยังไม่ทันได้ดื่มนมของแม่ก็ต้องมาทนทุกข์ทรมานเสียแล้ว เฮ้อ เป็นโชคร้ายของเจ้าที่ต้องมาทนทรมานกับชายชราอย่างข้า วันๆทำได้เพียงขอทาน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...