“รีบวิ่งเร็ว เร็วกว่านี้!”
“สู้เขา ด้านหลังไล่ตามมาแล้ว!”
เสียงเชียร์ดังขึ้นท่ามกลางสนาม ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าสอบหรือผู้ชม ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นและครักครื้นกันอย่างมาก
ฉินเหยียนนั่งอยู่บนที่นั่งแล้วสังเกตเห็นผู้เข้าสอบทหารม้าหญิงคนหนึ่งในสนามกำลังควบม้าอยู่ เขานึกว่าตนเองมองผิดไป จึงรีบนั่งตั้งใจมอง
ในที่สุดก็มั่นใจว่าท่ามกลางม้าศึกที่กำลังวิ่งอย่างรวดเร็วนั้น หญิงสาวกล้าหาญ รูปร่างเพรียวบาง การเคลื่อนไหวดูเบาเข้าสอบด้วย เขาพูดอย่างตะลึงว่า
“ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้หญิงมาเข้าสอบจอหงวนบู๊ด้วย”
ต้าหย่งเองก็ถูกหญิงสาวคนนี้ดึงดูดสายตาอยู่ตลอด เขาพูดอย่างประหลาดใจว่า
“ดูท่าทางคล่องแคล่วอย่างมาก แต่ว่าเหตุใดนางต้องใส่ผ้าปิดด้วยนะ?”
เมื่อต้าหย่งพูดขึ้นฉินเหยียนก็นึกถึงคนๆหนึ่งขึ้นมาได้ และพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า
“พอเจ้าพูดแบบนี้ ข้าว่าข้ารู้แล้วว่านางคือใคร”
ต้าหย่งถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ท่านอ๋องรู้จักนางผู้นี้รึพ่ะย่ะค่ะ?”
ฉินเหยียนพูดอย่างจริงจังว่า “เจ้าเองก็รู้จักนาง”
ต้าหย่งงุนงงยิ่งกว่าเดิม วันๆเขาอยู่แต่ข้างกายของฉินเหยียนไม่ได้รู้จักผู้หญิงที่ไหน เขาเกาศีรษะแล้วพูดอย่างงุนงงว่า
“ข้าเองก็รู้จักงั้นรึ?”
ฉินเหยียนเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ เขาจึงพูดว่า “นั่งอยู่ตรงนี้ก็น่าเบื่อ ไปเดินเล่นหน่อยจะดีกว่า”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็ยืนขึ้นเดินไป ที่จริงเป้าหมายที่แท้จริงคืออยากจะดูว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เขารู้จักรึไม่
ต้าหย่งและหยางจิ่นซิ่วเดินตามอยู่ด้านหลัง ทั้งสามเดินไปเรื่อยๆจู่ๆก็ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้น
“อ๊าก!”
ทั้งสามหันไปมองพร้อมกัน เห็นมือกลองที่อยู่หน้ากลองร้องเสียงดังเพราะมีลูกธนูปักเข้าที่ไหล่ของเขา เขาเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น
ผู้เข้าสอบยิงธนูทิ้งคันธนูและลูกธนูลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก และโค้งคำนับและขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ขะ ขออภัยนะขอรับ ขออภัยจริงๆ!”
ฉินเหยียนเห็นเช่นนั้นแล้วก็หมดคำจะพูด เขาตบหน้าผากอย่างจนปัญญาแล้วพูดว่า
“เห็นเช่นนี้แล้วทำให้ข้านึกถึงคนๆหนึ่งขึ้นมาเลย”
ฉินเหยียนยื่นสมุดรายชื่อให้ผู้คุมสอบแล้วก็เดินไปด้านหน้าต่อ แล้วเห็นผู้คุมสอบกรมมหาดไทยกำลังพูดเกี่ยวกับกฎอยู่
“รองผู้บัญชาการแต่ละค่ายจงก้าวออกมา!”
“พรึบ” มีร้อยกว่าคนก้าวออกมาจากแถว
ผู้คุมสอบกรมมหาดไทยพูดต่อว่า “พวกเจ้าทุกคนจงรับตราเข้ารอบ ตำแหน่งบนตราเข้ารอบคือสนามแข่งที่พวกเจ้าต้องไปรอรับการท้าประลอง”
“รับการท้าประลองสามครั้งสามารถเลื่อนได้หนึ่งขั้น จากนั้นก็กองทหารม้าเพื่อรอรับการท้าประลองต่อ ผู้ที่ได้รับชัยชนะทั้งสามครั้ง สามารถเข้ารอบไปยังรอบการประลองผู้บัญชาการทหารราบขั้นที่แปดระดับล่าง เมื่อได้รับชัยชนะทั้งสามครั้งแล้ว สามารถเลื่อนขั้นไปยังรอบการประลองนายพันทหารม้าขั้นที่แปดระดับสูง”
“เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงผู้บัญชาการทหารม้าพระราชวังขั้นที่ห้าระดับสูง เข้าใจรึยัง!”
เหล่ารองผู้บัญชาการทหารราบตอบพร้อมเพรียงกันว่า “ขอรับ!”
ฉินเหยียนพึมพำเสียงเบาอย่างสงสัยว่า “เพื่ออะไรรึ?”
ต้าหย่งกระซิบอธิบายข้างหูเขาว่า “ท่านอ๋องลองไตร่ตรองนะพ่ะย่ะค่ะ หากคนๆหนึ่งแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว คอยรับคำท้าการประลองอยู่ที่เวทีรองผู้บัญชาการทหารราบขั้นที่เก้าระดับล่าง หากมีคู่ต่อสู้ร้อยคนแล้วแพ้ทั้งร้อยคน เช่นนั้นการสอบจอหงวนบู๊ก็ไม่มีผู้ใดสอบผ่านแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเหยียนเข้าใจทันทีแล้วพูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ อัตราการล้มเหลวของพวกรองทหารราบก็จะลดลง หากต้องชนะทั้งสามการประลอง เช่นนั้นพวกเขาทุกคนก็จะพยายามกันอย่างสุดความสามารถเพื่อเลื่อนขั้น”
ต้าหย่งพูดต่อว่า “ที่จริงแล้วเหล่ารองผู้บัญชาการทหารราบเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่พ่ายแพ้พ่ะย่ะค่ะ ตราบใดที่เหล่าผู้เข้าสอบสามารถยืนหยัดอยู่ได้จนธูปหมดหนึ่งดอกก็จะเข้ารอบได้ ผู้รับการประรอบไม่มีทางกัดไม่ปล่อยขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็จะรอให้ถึงเวลาพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...