องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 532

ฉินเหยียนเข้าใจแล้วก็ถามขึ้นอีกว่า “ถ้าหากถึงขั้นที่เจ็ด ก็คงเป็นการสอบทักษะการขี่ม้าสินะ?”

ต้าหย่งตอบกลับว่า “การสอบทหารม้าไม่ได้แข่งขันบนสังเวียนพ่ะย่ะค่ะ แต่จะแข่งขันกันโดยถืออาวุธจริงที่สนามแข่ง ถึงตอนนั้นแล้วผู้เข้าแข่งขันทุกคนล้วนแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ และผลงานที่ออกมาก็ล้วนยอดเยี่ยมกันทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อฉินเหยียนรู้ว่าพรุ่งนี้จมีการแข่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากขนาดนี้ก็พูดอย่างดีใจว่า

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ตั้งตารอคอยวันพรุ่งนี้จริงๆ”

ต้าหย่งพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ที่จริงวันนี้ไม่ค่อยจะมีอะไรพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่การแข่งขันทหารม้าของวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปต่างหาก ที่จะน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อเดินเล่นรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ ฉินเหยียนเปลี่ยนเรื่องพูดว่า

“เราไปหาเซี่ยชิงให้กำลังใจนางกันหน่อยดีกว่า อย่างไรก็เป็นคนที่ข้าฝึกฝนมาเองกับมือ จะให้นางสู้เพียงลำพังไม่ได้”

ต้าหย่งพูดเสนอว่า “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ หากอยากจะช่วยนางจริงๆ ก็ให้ม้าศึกในค่ายกับนางสักเชือกเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนถามอย่างสงสัยว่า “นางมีม้าอยู่แล้วไม่ใช่รึ?”

ต้าหย่งอธิบายว่า “ม้าที่นางขี่เป็นม้าแก่ลากเกวียนที่เกษียณแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม้จะผ่านการแข่งขันมาได้ แต่หากขี่ม้าแก่เข้าแข่งขันทักษะการขี่ม้าในวันพรุ่งนี้ละก็ อย่างไรก็ต้องแพ้อย่างอนาถแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนั้นฉินเหยียนมัวแต่คาดเดาว่าคนที่เข้าแข่งใช่เซี่ยชิงรึไม่ จนไม่ได้สังเกตจุดที่ต้าหย่งพูดมาเลย

ต้าหย่งอธิบายต่อว่า “เมื่อก่อนตอนที่เหล่าตระกูลขุนนางเข้าสอบจอหงวนบู๊ พวกเขาจะใช้ม้าศึกในค่ายกันทั้งนั้น ตระกูลขุนางล้วนซื้อได้ แต่ตอนนี้เพียงแค่มองไปก็จะเห็นคนที่ขี่ม้าธรรมดาทั่วไป พวกเขาล้วนเป็นชาวเมืองธรรมดาๆ ต่อให้มีฝีมือแค่ไหน แต่ถ้าคุณภาพของม้าตามไม่ทัน ก็ไม่อาจได้ผลลัพธ์ที่ดีพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนครุ่นคิดแล้วรู้สึกว่าสิ่งที่ต้าหย่งพูดมีเหตุผล ม้าศึกและม้าธรรมดาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็เหมือนรถเซี่ยลี่และรถเฟอร์รารี่

เมื่อครุ่นคิดแล้วก็พูดว่า “เช่นนั้นเจ้าก็เลือกม้าสักตัว เอาม้าศึกที่ดีที่สุดในค่ายให้นาง”

ต้าหย่งยิ้มออกมาแล้วประสานมือคารวะพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ!”

เขารีบวิ่งไปดำเนินการทันที

หยางจิ่นซิ่วกอดอกแล้วถามว่า “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าองครักษ์คนนี้ของเจ้าจะใส่ใจแม่นางผู้นั้นจังนะ?”

ฉินเหยียนมองแผ่นหลังของต้าหย่ง เขายิ้มแล้วพูดว่า “สาวงามแสนดีเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม!”

......

วันถัดมา

บางคนยืนหยัดอยู่ได้จนธูปหมดหนึ่งดอกและไม่มีบาดแผลตามร่างกาย ก็ถือว่าผ่านการสอบ และมีบางคนที่เอาชนะรองผู้บัญชาการทหารราบได้ ทำให้รองผู้บัญชาการทหารราบถูกลดตำแหน่งเป็นทหารทั่วไป

แม้ว่าจะมีกรณีนี้เป็นส่วนน้อยมาก แต่ทุกสนามจะมีผู้ที่เอาชนะรองผู้บัญชาการทหารราบได้ทุกสนาม ผู้เข้าสอบที่พ่ายต่างก็หดหู่ใจ ส่วนผู้เข้าสอบที่ชนะก็ร้องไชโยอย่างมีความสุข อย่างไรผู้ที่สามารถผ่านรอบนี้ไปได้ ไม่ว่ารอบถัดไปจะแพ้หรือชนะก็จะได้ตำแหน่งขั้นที่เก้าระดับล่างแล้ว

ฉินเหยียนกวาดตามองทุกคนที่ผ่านเข้ารอบแล้วมองเห็นเซี่ยอยู่ในแถวผู้ผ่านเข้ารอบด้วย และที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจก็คือ น้องชายของปิ่นหิรัญย์เสี่ยวเยว่เองก็ผ่านเข้ารอบด้วย

ทั้งสองยืนเคียงข้างกัน อีกคนสูงใหญ่ อีกคนรูปร่างผอมเพรียว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในหมู่ผู้เข้าสอบจริงๆ ฉินเหยียนยิ้ม ทั้งสองคนนี้ถือเป็นเรื่องประหลาดที่น่ายินดีจริงๆ เขาพึมพำว่า “น่าสนใจ”

ฉินเหยียนเงยหน้าแล้วถามขึ้นว่า “พวกคนที่ผ่านเข้ารอบจะเริ่มการประลองครั้งต่อไปเมื่อไรรึ”

ต้าหย่งตอบกลับว่า “วันนี้ยามบ่ายพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะเข้าสอบทหารม้าขั้นเก้าระดับสูงพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนพูดอย่างตั้งตารอคอยว่า “ดูท่ายามบ่ายจะน่าตื่นตาตื่นใจกว่า”

ฉินเหยียนตั้งใจมองอยู่นาน อยากจะดูว่ามีใครที่มีแววรึไม่ ผลลัพธ์ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย เขามองอยู่หลายครั้ง ผู้ที่เข้าสอบรอบที่แล้วส่วนใหญ่เป็นเพียงผู้มีวิชาทั่วไปเท่านั้น ไม่มีคนฝีมือฉกาจอะไร

หลังจากประลองกันแล้ว ก็มีผู้เข้าสอบที่สามารถเข้ารอบมาเป็นรองผู้บัญชาการทหารราบชั้นเก้าระดับล่างหนึ่งร้อยกว่าคน เมื่อจบเวลาพักผ่อนแล้ว การสอบทหารม้าก็เปิดฉากขึ้นทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์