เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก เพียงพริบตาก็ผ่านไปเป็นครึ่งปีแล้ว
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ด้วยข้อบังคับของอาณาจักรฉิน งานล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงครั้งใหญ่จะจัดขึ้นในเขตซุ่นชิ่ง ภายใต้การควบคุมของกรมพิธีกรรม มีหลายเรื่องสำหรับการเดินทางล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงที่ได้จัดเตรียมไว้ที่เขตซุ่นชิ่งล่วงหน้า เช่นเดียวกับปีที่ผ่านๆมา
การล่าในฤดูใบไม้ร่วงคือการเผยแพร่ความน่าเกรงขามของอาณาจักร ส่งเสริมศักดิ์ศรี จึงมีฮ่องเต้มาเป็นประธานด้วยตนเอง ประการที่สอง คือการทดสอบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้ผ่านจอหงวนบู๊ โดยจะมอบตราเกราะตามจำนวนการล่ามาด้วยความสามารถของใครของมัน เป็นการทดสอบที่ผู้ผ่านขอหงวนบู๊จะต้องทดสอบเพื่อก้าวเข้าสู่ค่ายทหาร
ทั่วทั้งเมืองหลวงกำลังเตรียมการสำหรับการล่าในฤดูใบไม้ร่วงอย่างเต็มกำลัง ในที่สุดวันอันเป็นมงคลซึ่งคำนวณโดยสำนักหอดูดาวหลวงก็มาถึง ฮ่องเต้ฉินนั่งอยู่บนรถม้าที่หรูหราและสง่างามและออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึมว่า
“ออกเดินทางได้!”
เมื่อออกคำสั่งแล้วก็เคลื่อนขบวนไป
กองทหารม้าเกือบหมื่นคน โบกธงซึ่งเป็นตัวแทนของอาณาจักรฉิน เดินทัพไปยังเขตซุ่นชิ่งกันอย่างยิ่งใหญ่
รถม้าของฮ่องเต้ฉินอยู่ตรงกลาง กำลังเคลื่อนที่ไป โดยมีพระสนมฉีคอยปรนนิบัติอย่างใส่ใจอย่างข้างกาย ด้านหลังรถม้าของฮ่องเต้ฉินคือรถม้าของเหล่าองค์ชาย
แม้ว่าเหล่าองค์ชายจะมีความผิด แต่ในงานที่ยิ่งใหญ่นี้ ฮ่องเต้ฉินก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาขาดแน่นอน เพื่อเป็นหน้าเป็นตา
ฉินเหยียนนั่งงีบอยู่ในรถม้า เขารู้ว่าการล่าในฤดูใบไม้ร่วงนี้จะไม่สงบแน่นอน หากไม่ระวังตัวก็จะประสบหายนะ ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
หลังจากการเดินทางอันยาวนาน กองทัพขนาดใหญ่ก็มาถึงเขตซุ่นชิ่ง
พระตำหนักสำหรับเสด็จพักผ่อนชั่วคราวมีธงปลิวไสว ทุ่งหญ้าก็ถูกล้อมรอบ เพื่อเตรียมการสำหรับการเริ่มล่า
ฮ่องเต้ฉินลงจากรถม้าโดยมีฉีเยี่ยนเอ๋อร์คอยปรนนิบัติ ทุกคนคุกเข่าลงและทำความเคารพ
“ฝ่าบาททรงอายุยืนยาวหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”
ฮ่องเต้ฉินเดินมาถึงบนทุ่งหญ้าอย่างน่าเกรงขาม ขันทีเการีบถวายคันธนูให้ เพราะก่อนจะเริ่มม่านการล่าในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฮ่องเต้จะต้องยิงกวางตัวหนึ่งเพื่อแสดงถึงศักดิ์ศรี บนสนามมีกวางซีกาผูกเอาไว้แล้วตัวหนึ่ง
เดิมทีกวางควรจะวิ่งไปมาอยู่บนทุ่มหญ้า แต่เพราะฮ่องเต้ฉินอายุมากแล้ว เหล่าขุนนางเกรงว่าจะยิงไม่โดนกวางที่วิ่งไปมา จึงได้มดกวางเอาไว้ให้
ฮ่องเต้ฉินรู้แต่ไม่พูด อย่างไรเขาก็เห็นแก่หน้าของตนเอง เขารับคันธนูมาแล้วดึง เล็งไปยังกวางซีกาบนทุ่งหญ้า
“ฟิ้ว” ฮ่องเต้ฉินยิงโดนกวางซีกาในดอกเดียว ขันทีเกาดีใจอย่างมากและรีบพูดเสียงดังว่า
“ฝ่าบาทยิงกวาง ใต้หล้านี้อุดมสมบูรณ์!”
ทุกคนบนทุ่งหญ้าต่างพากันสรรเสริญ “ฝ่าบาททรงอายุยืนยาวหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”
ทันทีที่จะกำลังจะตอบตกลงการแข่ง เสียงแหลมของขันทีเกาก็ดังขึ้น “พระสนมฉีเสด็จ!”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์สวมชุดหรูหรา และเดินมาอย่างสง่างาม เหล่าองค์ชายรีบประสานมือคารวะคำนับทันที “พระสนมฉี”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ดึงหน้าแล้วพูดว่า “เอะอะอะไรกัน หากรบกวนฝ่าบาทพักผ่อนพวกเจ้ารับผิดชอบไหวรึ?”
เมื่อแผนถูกขัดเหล่าองค์ชายต่างก็ทำสีหน้าไม่พอใจเงียบไม่พูดไม่จา
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์หันไปมองฉินเหยียนแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้อ๋องเหยียนไปเข้าพบ”
ฉินเหยียนเองก็ไม่ถามอะไรมากความ เขาเดินตามฉีเยี่ยนเอ๋อร์ไปที่ตำหนัก เมื่อมองไปแล้วก็ไม่เห็นว่าท่านพ่อจะอยู่จึงได้ถามขึ้นว่า “ท่านพ่อล่ะ?”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์คุกเข่าแล้วประสานมือคารวะพูดว่า “หม่อมฉันเข้าเฝ้าอ๋องเหยียนเพคะ”
ฉินเหยียนมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังแล้วรีบพูดว่า “เจ้ารีบลุกขึ้นเถิด อย่าให้ใครมาเห็นเข้า”
ฉีเยี่ยนเอ๋อร์รีบลุกขึ้นแล้วประสานมือคารวะพูดว่า “เมื่อครู่หม่อมฉันเห็นว่าท่านอ๋องถูกล้อม เยี่ยนเอ๋อร์จึงตัดสินใจออกหน้าช่วยท่านอ๋องด้วยตนเอง โปรดอภัยให้ด้วยเถิดเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...