องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 563

รถม้าเดินทางไปอย่างโซเซ ฉินเหยียนและฮ่องเต้ฉินนั่งอยู่บนรถม้าคันเดียวกัน ฉินเหยียนพูดคุยถึงเรื่องชาวเมืองบนรถม้าอย่างฉะฉาน

“ท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ นโยบายอาณาจักรก่อนหน้านี้ของอาณาจักรฉิน ระบบชนชั้นเป็นเหมือนสามเหลี่ยม ราชวงศ์อยู่บนสุดของสามเหลี่ยม เรียกว่าชั้นสูง ตระกูลขุนนางอยู่ตรงกลาง เรียกว่าชั้นกลาง ส่วนเหล่าชาวเมืองอยู่ด้านล่างสุด เรียกว่าชั้นล่าง”

“ดูผิวเผินแล้ว ราชวงศ์นั้นอยู่จุดสูงสุด แต่ความจริงแล้วอำนาจที่แท้จริงถูกเหล่าตระกูลขุนนางใหญ่โตครอบครองเอาไว้ เหล่าตระกูลขุนนางใช้อำนาจโดยพลการเพื่อควบคุมดินแดนอันมั่งคั่งทั้งหมด ใช้อำนาจและเผด็จการ ในขณะที่ขูดรีดชาวเมือง ก็ยังหลอกลวงและปกปิด พฤติกรรมโง่เขลาที่พยายามปกปิดนั้นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”

ฮ่องเต้ฉินพยักหน้าเห็นด้วย ปัญหาที่เจ้าสิบสี่กล่าวมานั้นล้วนเคยเกิดขึ้นในพระราชสำนัก

ฉินเหยียนพูดต่อว่า “สุดท้ายก็คือตระกูลขุนนางมีอำนาจมากมายเกินไป หากต้องการจัดการให้สิ้นซาก ก็ต้องลดอำนาจของเหล่าตระกูลขุนนางพ่ะย่ะค่ะ แต่หากทำการริบอำนาจเลยก็จะเกิดกบฏอย่างแน่นอน”

“ดังนั้นลูกจึงใช้วิธีค่อยๆทำให้ไม่รู้ตัว โดยค่อยๆทำลายอำนาจของเหล่าตระกูลขุนนาง เมื่อพวกเขารู้สึกตัวมันก็สายเกินไปแล้ว ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินพยักหน้า เจ้าสิบสี่วิเคราะห์ปัญหาได้อย่างมีเหตุผล เขาพูดอย่างเห็นด้วยว่า

“ที่เจ้ากล่าวมานั้นสมเหตุสมผล เพียงแต่ตอนนี้ตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ได้ตกต่ำหมดแล้ว แล้วอนาคตอาณาจักรฉินจะพัฒนาต่อไปอย่างไร?”

ฉินเหยียนอธิบายว่า “ท่านพ่อโปรดวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ โครงสร้างทั้งหมดของอาณาจักรฉินในตอนนี้มีเพียงราชวงศ์และชาวเมือง ชาวเมืองจะได้รับชื่อเสียงเมื่อสอบผ่านด้วยความพยายามของตนเอง และได้เลื่อนขั้นเป็นตระกูลขุนนาง”

“หากตระกูลขุนนางชุดใหม่ทำเพื่ออาณาจักรและชาวเมือง เช่นนั้นก็บันทึกชื่อของพวกเขาในประวัติศาสตร์ แต่หากพวกเขาคิดร้ายต่ออาณาจักรฉินและชาวเมือง ขุนนางข้าราชการที่บังอาจกล้าขูดรีดชาวเมืองเช่นนี้ ฆ่าไปก็สิ้นเรื่อง”

“อย่างไรก็ตาม จะปล่อยให้อำนาจของตระกูลขุนนางมากเกินไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ และจะปล่อยให้ยิ่งใหญ่เพียงตระกูลไม่ได้ด้วย ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำการหลอกลวงจนถึงขั้นที่ไม่อาจควบคุมได้ จะไม่ไว้ชีวิตเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินพูดอย่างเห็นด้วยว่า “เจ้าวิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลมาก ดูเหมือนว่าการที่ข้าให้เจ้าจัดการเรื่องนี้จะถูกต้องอย่างมาก เพียงแค่ข้าไม่เข้าใจ ว่าในเมื่อเจ้าเข้าใจสถานการณ์อย่างดีแล้ว การสืบทอดบัลลังก์เพื่อชี้นำแผ่นดิน จะปกครองอาณาจักรได้ดีกว่าไม่ใช่รึ? ”

ฉินเหยียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “หากลูกสิบทอดบัลลังก์แล้วกลายเป็นฮ่องเต้ไป เช่นนั้นลูกจะเป็นเป้า หากในพระราชสำนักมีผู้ที่คิดไม่ซื่อแล้วจงใจปิดบัง ลูกก็จะมองไม่เห็นความจริง และมองไม่เห็นความเป็นจริงในเมือง”

“ด้วยเหตุนี้ลูกจึงไม่ยอมสืบบัลลังก์ เพื่ออาณาจักรฉินแล้วลูกยอมดูแลอาณาจักร ดูแลข้าราชบริพารไปชั่วชีวิต รักษาความสงบเรียบร้อยของราชสำนัก ทำให้อาณาจักรฉินมีความยุติธรรม เจริญรุ่งเรืองและสันติสุข”

ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆรีบลุกขึ้นแล้วปรนนิบัติเปลี่ยนชุดให้ เมื่อนางและฮ่องเต้ฉินแต่งตัวเสร็จแล้วก็รีบเดินออกจากเต็นท์ทันที

เมื่อฉินเหยียนคำนับต่อทั้งสองแล้วก็ได้เดินนำทางไปยังขอบหน้าผา ที่นี่ได้เตรียมของว่างไว้เล็กน้อย และจุดไฟไว้แล้ว ฉินเหยียนเดินไปข้างๆกองไฟแล้วเริ่มปิ้ง

ฮ่องเต้ฉินหาวแล้วถามอย่างสงสัยว่า “เหยียนเอ๋อร์ ปลุกข้าเช้าขนาดนี้ เจ้าจะทำอะไรรึ?”

ฉินเหยียนปิ้งไปด้วยและพูดไปด้วยว่า “ท่านพ่อ นี่คือทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันออก อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะขึ้น มาดูทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นกันพ่ะย่ะค่ะ”

ในขณะที่พูดกลิ่นหอมของเนื้อปิ้งก็หอมแตะจมูกฮ่องเต้ฉิน เขารู้สึกน้ำลายไหลทันที “หอมจริงๆ เจ้ากำลังปิ้งอะไรอยู่?”

ฉินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า “เนื้อแกะปิ้งพ่ะย่ะค่ะ ลูกทำให้ท่านพ่อโดยเฉพาะเลย ลองดูสิพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพูดแล้วก็ยื่นเนื้อที่ปิ้งเสร็จแล้วให้ฮ่องเต้ฉินหนึ่งไม้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์