องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 564

ฮ่องเต้ฉินรับเนื้อปิ้งที่หอมแตะจมูกมาแล้วรีบลิ้มลอง ราวกับว่าได้เปิดต่อมรับรสใหม่ขึ้น เขาชื่นชมว่า

“รสเลิศนัก! เอาให้ข้าอีกสักไม้!”

“ท่านพ่อพอพระทัยก็เสวยมากๆนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนนำเนื้อปิ้งกำหนึ่งปิ้งที่เรียบร้อยแล้วยื่นให้ฮ่องเต้ฉิน ในขณะที่ฮ่องเต้ฉินทานก็ไม่ลืมที่จะแบ่งให้ฉีเยี่ยนเอ๋อร์

“เจ้าลองลิ้มลองสิ”

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”

ฉีเยี่ยนเอ๋อร์รับเนื้อปิ้งมาแล้วกัดหนึ่งคำ เป็นรสชาติที่แสนอร่อยที่นางไม่เคยได้ทานมาก่อนจริงๆ ในขณะที่ทานและพูดคุยกันอย่าง ท้องฟ้าก็เริ่มสางแล้ว สีท้องฟ้าค่อยๆกลายเป็นสีฟ้าอ่อน

ทุกคนต่างก็จ้องมองขอบฟ้าอย่างจดจ่อ ยอดเขาที่อยู่ไกลๆ ค่อยๆสว่างขึ้น แสงอาทิตย์ยามเช้าก็ปรากฏบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออก เมื่อดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นแสงมากมายก็ส่องมายังแผ่นดิน

ภูเขา หุบเขาและแม่สายสว่างไสว ทุ่งนาเขียวขจี ข้าวสาลีสีทองอร่าม ก้อนเมฆที่อยู่บนท่องฟ้ามีสีสันมากขึ้น เนินเขาสูงตระหง่านที่อยู่ห่างไกลดูเหมือนจะถูกเคลือบด้วยผงทองคำ ทำให้ดูงดงามเป็นพิเศษ พระอาทิตย์ขึ้นมาท่ามกลางหมอเมฆ ออกมาจากภูเขา สุดท้ายก็แขวนอยู่บนท้องฟ้าราวกับลูกไฟ

เมื่อเห็นฉากอันงดงามนี้ฮ่องเต้ฉินก่อนคลายอารมณ์ดี แล้วพูดว่า “สิ่งที่งดงามที่สุดคือยามอาทิตย์ขึ้น สิ่งที่สุกสว่างที่สุดยังเทียบกับยามพลบค่ำไม่ได้ เมื่อได้มาเห็นในวันนี้แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

ฉินเหยียนยิ้มแล้วยื่นชาให้ฮ่องเต้ฉิน

“ชื่นชมทิวทัศน์อันงดงาม ทานอาหารที่รสเลิศ เมื่ออิ่มเอมกันแล้วก็เดินทางกันต่อ!”

......

เมื่อพวกฉินเหยียนออกเดินทางแล้ว หลังจากเดินทางหลายวันในที่สุดก็ได้มาถึงใกล้ๆด่านเจียยวี่แล้ว

ก่อนที่จะเข้าไปฉินเหยียนได้มารายงานหน้ารถม้าของฮ่องเต้ฉินว่า “ท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ ใกล้จะถึงด่านเจียยวี่แล้ว ลูกมีทรัพย์สินส่วนตัวใกล้ๆนี้ ท่านพ่อยินดีจะไปชื่นชมกับลูกรึไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้ฉินคิดไม่ถึง “เจ้ามีทรัพย์สินส่วนตัวด้วยรึ? เช่นนั้นข้าก็ขอดูหน่อยละกัน นำทางไป”

ฉินเหยียนเชื้อเชิญอีกครั้ง “ท่านพ่อพ่ะย่ะค่ะ หากนั่งรถม้าไปจะบดบังทิวทัศน์ ขี่ม้าไปจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ฉินไม่รู้ว่าเจ้าสิบสี่คิดจะทำอะไรกันแน่ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “เตรียมม้า”

ทุกคนเดินทางออกมาจากหมอกควัน แล้วทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็ชัดเจนทันที ให้ความรู้สึกราวกับได้ทะลุออกมาจากความมืด และพบว่าตรงหน้ามีป้ายขนาดใหญ่ ที่สลักหมู่บ้านซิ่งฮวาเอาไว้อย่างโดดเด่น

หมู่บ้านซิ่งฮวาทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยหมอก และหมอกก็ปกคลุมผู้คน เมื่อมองไปแล้ว ในหมู่บ้านมีอาคารสูงใหญ่ บนต้นไม้มีผลไม้มากมาย ความหอมของผลไม้และความหอมของเหล้าผสมผสานเข้าด้วยกัน ทำให้ซึมซาบเข้าไปในหัวใจจนไม่อาจถอนตัวได้เลย

ฮ่องเต้ฉินมองทิวทัศน์ตรงหน้าแล้วพูดอย่างตะลึงว่า “ในที่สุดข้าก็ได้สัมผัสถึงแดนสวรรค์ในบทกวีแล้ว นี่มันดินแดนในอุดมคติชัดๆ!”

ฉินเหยียนพูดอย่างภูมิใจว่า “ทรัพย์สินของลูกพอใช้ได้ใช่รึไม่พ่ะย่ะค่ะ ไปกันเถิด ลูกจะนำเที่ยวชมหมู่บ้านเองพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพูดดังนั้นแล้วฉินเหยียนก็พาทุกคนเข้าไปในหมู่บ้าน

เมื่อคนในหมู่บ้านเห็นว่าฉินหยียนมาก็ยังคงกระตือรือร้นเช่นเคย พวกเขาคำนับต่อฉินเหยียนอย่างเคารพ ฉินเหยียนเองก็ทักทายเหล่าชาวเมืองอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน เมื่อฮ่องเต้ฉินเห็นเจ้าสิบสี่และเหล่าชาวเมืองเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็รู้สึกทั้งดีใจและละอายใจพร้อมๆกัน

เดิมทีฉินเหยียนยังคิดจะบอกกับเหล่าชาวเมืองว่าท่านพ่อเสด็จมา แต่ฮ่องเต้ฉินจะกล้าได้อย่างไร เขาหาข้ออ้างว่าไม่อยากทำให้เหล่าชาวเมืองรู้สึกกดดัน แล้วเดินตามฉินเหยียนเงียบๆ

ฉินเหยียนพาฮ่องเต้ฉินไปยังโรงหมักเหล้า ระหว่างทาง สายตาของฮ่องเต้ฉินถูกอาคารสูงใหญ่คอยดึงดูดอยู่ตลอด แม้ว่าตำหนักในพระราชวังจะยิ่งใหญ่เช่นกัน แต่การที่สามารถสร้างบ้านเรือนที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้บนภูเขาได้ ฮ่องเต้ฉินรู้สึกตะลึงอย่างมาก

“สร้างอาคารที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้บนภูเขาสูงมากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? อีกอย่างข้ารู้สึกว่าวัสดุที่ใช้สร้างเองก็เหมือนจะไม่ใช่วัสดุก่อสร้างบ้านทั่วไป มันคืออะไรกันแน่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์