องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 571

ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ฉินเหยียนและพรรคพวกของเขากลับไปยังเมืองอวิ๋นเฉิงทางเรือ

ในเวลานี้ ทหารที่เฝ้าเมืองกำลังนั่งดื่มและกินอาหารกันอยู่ เพิ่งจะได้พักผ่อนไปไม่นาน เมื่อพวกเขาหันกลับมาเห็นอ๋องเหยียนและพรรคพวกของเขากลับมา ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นทันที และพูดพึมพำด้วยความสับสน

“เกิดเหตุอันใดขึ้น?”

“เหตุใดอ๋องเหยียนถึงกลับมาอีกแล้ว?”

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว รีบเข้าไปต้อนรับกันเถิด!”

ทหารเฝ้าเมืองรีบวางแก้วเหล้าลงทันที และรีบลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับเขา

“เข้าเฝ้าอ๋องเหยียนขอรับ”

ฉินเหยียนโบกมือปัด

“ทำตัวสบายๆ ได้”

จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ต้าหย่งนำกองทพันทหารม้าเสือดาวหนึ่งพันนายปกป้องและคุ้มกันเสด็จพ่อกลับไปยังเมืองหลวง”

“ข้าได้เขียนขอที่จำเป็นทั้งหมดเอาไว้แล้ว เจ้าต้องเตรียมให้พร้อมเมื่อกลับมา”

เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็มอบรายการส่งเสบียงของเขาให้แก่ต้าหย่ง

ต้าหย่งรับรายการของทันที

“รับทราบคำสั่งของท่าน หลังจากพวกเราไปแล้ว ท่านต้องระวังตัวให้มากขอรับ”

หลังจากพูดจบ ก็นำกลุ่มทหารออกเดินทาง

ฉินเหยียนเหลือเพียงหยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิงที่อยู่ข้างกายเขา พวกเขาสามคนหาโรงแรมที่สามารถพักได้

หลังจากหากันเป็นเวลานาน ทั้งสามคนรู้สึกหิวมาก จึงสั่งอาหารมาสี่อย่างและน้ำแกงอีกอย่างหนึ่ง พูดคุยกันขณะทานอาหาร

หยางจิ่นซิ่วถามขึ้นมาก่อน

“ยาพวกนี้สามารถใช้ทำอะไรได้หรือ?”

ฉินเหยียนอธิบาย

“ป้องกันการแพร่เชื้อของโรค”

“การแพร่เชื้อ?”

หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิงถามออกมาพร้อมๆ กัน

ทั้งสองต่างรู้ถึงความน่ากลัวของโรคระบาดที่น่ากลัวกว่าสงครามเสียอีก

ฉินเหยียนถือชามข้าวและพูดอย่างอดทน

“ถูกต้อง ภายใต้เงื่อนไขพิเศษนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อโรคสามารถเกิดขึ้นได้”

“ยกตัวอย่างเช่น หลังจากสงครามของทั้งสองอาณาจักร ศพได้ตายเกลื่อนกลาด ไม่มีใครคอยจัดการ และเมื่อถูกแสงแดดสาดส่อง ประกอบกับลมในอากาศทำให้ในชั้นอากาศเต็มไปด้วยเชื้อไวรัส ทำให้โรคระบาดเกิดขึ้นโดยตามธรรมชาติ”

หยางจิ่นซิ่วยังคงไม่เข้าใจ ถามออกไปด้วยความประลาดใจ

“เชื้อไวรัสคือสิ่งใดกัน มียาแก้พิษหรือไม่?”

ฉินเหยียนยิ้มออกมาอย่างหมดหนทาง การพูดคุยเรื่องความรู้ใหม่ๆ กับคนในสมัยโบราณ ทำให้เขาปวดหัวจริงๆ

“เจ้าลองคิดตามดูนะ ตอนนี้ในอาณาจักรจ้าวมีศพตายเกลื่อนกลาด นอจากศพทหารแล้วยังมีศพของประชาชนที่ตายเพราะความอดอยาก หากไม่ได้รับการจัดการนำศพไปทิ้งหรือเผา ศพจะส่งกลิ่นเหม็นหลังจากสัมผัสกับลมและแสงแดดหรือไม่?”

หยางจิ่นซิ่วพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

“ใช่ ศพจะส่งกลิ่นเหม็นตอนที่มันกำลังสลายตัว”

ฉินเหยียนกล่าวต่อ

“ถูกต้อง นี่แหละคือเชื้อไวรัส ถ้าต้องอยู่กับกลิ่นเหม็นตลอดทั้งปี เชื้อไวรัสจะส่งผลต่อสุขภาพและทำให้เกิดเชื้อโรคแพร่ระบาดออกไป”

ฉินเหยียนก้มหน้าลงและเห็นว่าในชามนั้นเต็มไปด้วยผัก

เซี่ยชิงยังคงคีบผักมาให้ในชามเขาอย่างต่อเนื่อง

ฉินเหยียนพูดออกมาว่า

“เซี่ยชิง เจ้ากินเองได้หรือไม่ อย่าคีบผักส่งมาให้ข้าอีก!”

เซี่ยชิงมองไปที่ชามข้าวของฉินเหยียนที่เต็มไปด้วยผัก ยิ้มแห้งๆ แล้วตอบว่า

“ข้าก็แค่กลัวว่าท่านจะกินไม่อร่อย!”

ฉากนี้ทำให้หยางจิ่นซิ่วหัวเราะออกมา

พวกเขาทั้งสามนั่งกินข้าวพร้อมกับพูดคุยกันจนเสร็จ หยางจิ่นซิ่วจึงรีบออกไปทันทีและเริ่มเปิดรับสมัครคนงานในท้องถิ่นด้วยค่าจ้างยี่สิบเหรียญต่อวัน เพื่อเริ่มดำเนินการป้องกันโรคระบาด

ฉินเหยียนและเซี่ยชิงเดินไปรอบๆ บนถนน เพื่อตรวจดูว่าสิ่งก่อสร้างในเมืองอวิ๋นเฉิงนั้นมีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว

ระหว่างที่เดิน เห็นสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยอยู่ที่หนึ่ง พื้นที่ขนาดใหญ่มีประตูเปิดได้ทุกด้าน สนามหญ้าเต็มไปด้วยหญ้ารกชัน สูงกว่าครึ่งเมตร

แผ่นป้ายที่แขวนอยู่ด้านหน้าสำนักงานนั้นสั่นและร่วมหล่นไปตามสายลม

ฉินเหยียนถามด้วยความสับสน

“เกิดอันใดขึ้นกับสำนักงานความปลอดภัยแห่งนี้กัน?”

เซี่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา

“เห็นได้ชัดว่าเป็นสำงานที่ปิดตัวลงแล้วมิใช่หรือ”

แน่นอนว่าฉินเหยียนรู้เรื่องนี้ แต่นี่ไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ

ในสมัยโบราณสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยเป็นงานที่สำคัญรองลงมาเป็นอันดับสอง จะเกิดอะไรขึ้นหากสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยปิดตัวลง?

“เหตุใดสำงานคุ้มกันความปลอดภัยที่ใหญ่ขนาดนี้ถึงปิดตัวลงเล่า?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์