องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 572

หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป

“เซี่ยชิง เจ้าไปเรียกผู้ดูแลศาลาว่าการมาให้ข้า”

ฉินเหยียนเข้าไปในสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยและมองไปรอบๆ

หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยชิงก็มาที่สำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยพร้อมกับผู้ดูแล เมื่อพบฉินเหยียน เขาก็ยกมือทำความเคารพทันที

“เข้าเฝ้าอ๋องเหยียนขอรับ”

ฉินเหยียนโบกมือแล้วถามว่า

“ข้าขอถามเจ้าเสียหน่อยว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นกับสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัย ผู้ดูแลอยู่ที่ใดกัน?”

ผู้ดูแลตอบตามความจริง

“กราบทูลรายงานอ๋องเหยียน ผู้ดูแลสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยน่าจะไปช่วยซ่อมแซมบ้านอยู่ขอรับ”

ซ่อมแซมบ้าน สำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยที่ใหญ่ขนาดนี้ไม่ดูแลให้ดี แต่กลับไปซ่อมบ้าน ถือว่าลำดับความสำคัญผิดไปมาก

ฉินเหยียนถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไปเรียกเขามา ข้ามีเรื่องจะถามเขา”

“ขอรับ”

ผู้ดูแลศาลาว่าการไม่กล้ารีรอ สิ่งไปยังพื้นที่ก่อสร้างเพื่อตามหาผู้ดูแลสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัย

หลังจากนั้นไม่นาน ชายวัยกลางคนเดินกะเผลกมายังสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัย

ผู้ดูแลศาลาว่าการเดินนำหน้ามาก่อน โค้งคำนับทักทายและพูดออกมาว่า

“เข้าเฝ้าอ๋องเหยียน ยังไม่คุกเข่าลงอีก!”

ชายขาเสียคนนั้นตกใจมากเมื่อถูกตะคอกใส่เช่นนั้น เขาตัวสั่นและคุกเข่าลงด้วยตัวอันสั่นเทาพร้อมกับยกมือขึ้นว่า

“ข้าน้อย แสดงความเคารพต่ออ๋องเหยียนขอรับ”

ฉินเหยียนต้องไปที่ผู้ดูแลศาลาว่าการ ชายผู้นี้ โหดร้ายเยี่ยงอันธพาลเสียจริง

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยประคองชายขาเสียคนนั้นให้ลุกขึ้นพูดปลอบว่า

“ไม่ต้องกลัว ที่ข้าเรียกเจ้ามาไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร ข้าแค่อยากพูดคุยด้วยก็เท่านั้น มา มานั่งตรงนี้”

เซี่ยชิงนำเก้าอี้มาวางทันที ฉินเหยียนช่วยประคองชายขาเสียให้มานั่งบนเก้าอี้

เมื่อทั้งสองนั่ง ผู้ดูแลสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยรู้สุกเหมือนมีหนามแหลมๆ แทงที่ข้างหลังเขาและมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในลำคอเขาอยู่

ฉินเหยียนถามออกไปตรงๆ ว่า

“ผู้ดูแลสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยคือเจ้าหรือ?”

ในขณะที่ชายขาเสียกำลังจะลุกขึ้นตอบ เซี่ยชิงก็กดไหล่เขาจากทางด้านหลังให้เขากลับไปนั่งบนเก้าอี้

“ใช่ๆๆ ขอรับ”

ผู้ดูแลสำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยพนักหน้า ปาดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผาก และตอบด้วยความตื่นตระหนก

“ข้าน้อยชื่อเจิ้งเต้า เมื่อก่อนเคยทำธุรกิจให้คุ้มครองขนส่งสินค้ามีค่าในเมืองอวิ๋นเฉิงขอรับ”

ฉินเหยียนถามด้วยความสงสัย

“เหตุใดตอนนี้ถึงปิดตัวลงเล่า?”

เจิ้งต้าวถอนหายใจและตอบว่า

“ในช่วงสงคราม ธุรกิจทำรายได้ไม่ค่อยดีนัก พี่น้องข้าต่างก็แยกย้ายกันไป จึงทำให้สำนักงานต้องปิดตัวลง”

ทันใดนั้นฉินเหยียนก็พูดอะไรไม่ออก ไล่ถามต่อว่า

“ตอนนี้สงครามจบลงแล้ว เหตุใดจึงไม่กลับมาทำต่อหรือ?”

เจิ้งเต้ายิ้มอย่างขมขื่น

“อย่างนี้ก็แล้วกัน ขาของเจ้าข้างนี้ ทำให้เจ้าใช้ชีวิตไม่สะดวก ข้าจะให้โอกาสเจ้า เป็นผู้คุ้มกันสินค้าขายให้ข้าได้หรือไม่?”

เจิ้งเต้าคิดอย่างง่ายๆ ว่า เห็นๆ กันอยู่ว่าสำนักงานคุ้มครองสินค้าของเขามีพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ คิดจะปล้นกันซึ่งๆ หน้าหรือ!

เขาลังเลและพูดว่า

“องค์ชาย สำนักงานคุ้มครองความปลอดภัยนี้หากท่านเห็นค่าของมัน ข้าจะเสนอมันให้ท่าน...”

ก่อนที่เจิ้งเต้าจะพูดจบ ฉินหยียนขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

“บอกราคามา ข้าจ่ายให้”

มุมปากของเจิ้งเต้ากระตุก เขากล้าพูดออกมาตรงๆ ว่าจะซื้อสำนักงานนี้อย่างหน้าไม่อาย อีกทั้งยังจะจ่ายเงินให้เขา เห็นได้ชัดว่าต้องการปล้นจริงๆ เพียงแค่เปิดราคามา หัวของเขาคงไม่จำเป็นอีกแล้ว

หลังจากคิดเรื่องนี้ การเอาชีวิตรอดยังคงเป็นเรื่องสำคัญ เขาพูดออกไปอย่างไม่เต็มใจว่า

“เช่นนั้น ห้าเหรียญขอรับ”

ฉินเหยียนตบหน้าผากตัวเองและพูดไม่ออก ผู้ดูแลคนนี้เป็นคนประเภทใดกัน ห้าเหรียญต่างอะไรกับปล้นมาเล่า

“ข้าให้เจ้าห้าร้อยเหรียญ”

เจิ้งเต้าเบิกตากว้างทันที เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาได้ยิน

อ่า นี่เป็นธุรกิจจริงๆ ไม่ใช่การปล้นหรอกหรือ?

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เขาเป็นถึงอ๋องเหยียนแห่งราชวงศ์ฉิน เขาใช้เงินเพื่อซื้อทรัพย์สินจากคนทั่วไปอย่างนั้นหรือ?

ฉินเหยียนพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“นอกจากนี้ ข้าจะให้งานอื่นแก่เจ้า”

เมื่อมีเงื่อนไข สุดท้ายแล้วก็ต้องขโมยมาให้ได้ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับจ้าวฉี่หมิงเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์