องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 577

ขบวนค่อยๆ เดินมาถึงหมู่บ้านในเมืองถัดไป

นอกเมืองไม่มีหญ้า มีแต่ซากศพนอนเกลื่อน แม้แต่ชายฝั่งก็เต็มไปด้วยซากศพและมีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว

หยางจิ่นซิ่วนำคนไปเผาศพทันที โรยปูนขาวและโรยผงถ่านลงแม่น้ำ

หมู่บ้านเมืองนี้ชื่อว่า เมืองจูเจีย เมืองนี้เต็มไปด้วยคนอดอยาก แม้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอด แต่คนส่วนใหญ่นั้นกำลังใกล้ตายและมีอาการไออย่างรุนแรง

ตระกูลเดียวที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านนี้คือเศรษฐีจู ทั้งหมู่บ้านมีแต่ประชาชนที่หิวโหย แต่มีเศรษฐีจูคนเดียวที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน

ทุกครั้งที่เขาออกไปตามถนน เขามักจะถูกคนร้องเรียก แต่ข้างกายเขามีลูกน้องคอยปกป้องอยู่สองสามคน แต่ละคนถือไม้กระบองไว้ในมือ

เมื่อประชาชนที่หิวโหยเห็นเศรษฐีจู พวกเขาก้มกราบเท้าเขาอย่างไม่อาย และขอร้องว่า

“ขอร้องนายท่าน ได้โปรดให้อาหารพวกเราหน่อยเถิด!”

ลูกน้องแกว่งไม้กระบอง ยกเท้าขึ้นเตะหัวประชาชนแล้วตะโกนว่า

“ถอยไป! หลีกทางให้นายท่านเดิน!”

เศรษฐีจูเดินเข้าไปในร้านอาหาร นั่งริมหน้าต่างชั้นสอง มีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะไม่ว่าจะเป็นปลา เนื้อและเหล้าจำนวนมาก

ประชาชนที่หิวโหยต่างรออยู่ด้านนอกร้าน มองไปที่ดอกบ๊วยเพื่อระบายความหิว มองไปที่เศรษฐีจูที่กินอาหารและเหล้าอย่างเพลิดเพลินใจ

“อึก”

ประชาชนที่หิวโหยหิวมากจนตาพร่า หน้าซีดเซี่ยว ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงบังคับตัวเองเข้าไปในร้านอาหาร พยายามคว้าเศษอาหารที่เหลือจากเศรษฐีจู

“ออกไป! อยากตายหรืออย่างไร ออกไปให้หมด!”

ลูกน้องโบกไม้กระบองตีไปที่ประชาชนที่หิวโหยเหล่านั้นและขวางทางเอาไว้

เศรษฐีจูเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง เขาชอบรังแกประชาชนที่หิวโหย

เขาถือกระดูกมีเนื้อเหลืออยู่และยื่นลงมา

สายตาของประชาชนที่หิวโหยนั้นเป็นปรายในทันที ราวกับสุนัขที่ได้รางวัลจากเจ้านาย กำลังกระดิกหางและร้องขอความเมตตา

“กินเถิด”

เมื่อกระดูกถูกโยนลงไป ประชาชนต่างต่อสู้กันเพื่อแย่งกระดูกชิ้นนี้ โดยไม่สนใจว่าหัวของพวกเขาจะแตกหรือได้รับบาดเจ็บหรือไม่

“ฮ่าๆๆ”

เศรษฐีจูและลูกน้องต่างหัวเราะชอบใจ

“นายท่านจู”

ชายชราผอมแห้งและหญิงสาววัยยี่สิบกลางๆ คุกเข่าลงที่หน้าร้านอาหาร เมื่อมองดูใกล้ๆ พบว่าที่คอเสื้อของหญิงสาวมีต้นข้าวติดอยู่

“นายท่านจู เอาลูกสาวข้าไปเถิด ข้าอยากได้ข้าวหนึ่งถัง ได้โปรดเถิดนายท่าน”

เศรษฐีจูเหลือบมองหญิงสาวอย่างเย่อหยิ่งและยิ้มชั่วร้ายออกมา

“เอามาให้ข้า ต้องให้เห็นหน้าตาก่อนถึงจะตัดสินใจเรื่องราคาได้”

“นี่...”

ชายชราดูลำบากใจ

ลูกน้องยังไม่สนใจ ลากหญิงสาวออกมาทันที

“พ่อ พ่อช่วยข้าด้วย!”

ในเวลานี้

“ปึก”

ลูกธนูปักเข้าที่กรอบประตูร้านอาหาร

ทุกคนตกตะลึง มองหน้ากันไปมา

เมื่อเขาเห็นหญิงสาวมีท่าทีกล้าหาญพร้อมกับคันธนูในมือ

“ข้าเห็นแล้ว”

เศรษฐีจูกัดฟันด้วยความเกลียดชัง

“พวกไม่มีไหวพริบ แถมยังกล้ามาตั้งแผงแจกโจ๊กอีก ไอ้พวกคนเหลือขอ ไปขอโจ๊กพวกมันกินเสียสิ!”

ไม้แข็งใช้ไม่ได้ ต้องใช้ไม้อ่อน ไม่ใช่คนรวยและจิตใจดีหรอกหรือ เรียกทุกคนในจวนตระกูลจูมากินก่อน กินจนอิ่มแล้วมาดูกันว่าขอทานพวกนี้จะได้กินอะไรอีก

“ให้พวกเจ้าแจกโจ๊ก ข้าพูดได้เลยว่า ไม่ว่าพวกเจ้าจะแจกโจ๊กมากแค่ไหน ก็ไม่พอกินหรอก”

เมื่อแผงโจ๊กตั้งเสร็จ เปิดไฟ ใส่ข้าวหนึ่งถัง สองถัง... ห้าถังลงในหม้อ ประชาชนที่หิวโหยต่างมองด้วยสายตาหิวโหย

เศรษฐีจูโกรธมาก

“ให้พวกคนโง่เหล่านี้กินข้าวฟรี ให้ตายเถิด ข้าวจำนวนมากขนาดนี้ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินได้เลย เป็นคนรวยที่โง่เขลาอะไรเช่นนี้!”

ประชาชนที่หิวโหยต่างรวมตัวกันพร้อมที่จะแย่งโจ๊กมากิน

“ถอยไป หลีกทางให้ข้า!”

ลูกน้องตระกูลจูพร้อมกับสมาชิกผู้หญิงเกือบร้อยคนเดินไล่ประชาชนทั้งหมดออกไป ยืนอยู่หน้าแผงโจ๊กและพูดอย่างอวดดีว่า

“ข้ามากินโจ๊ก ไม่เห็นมีใครตักให้เลย ไม่ให้พวกเรากินหรือ?”

ฉินเหยียนเห็นว่าพวกเขาแต่งตัวหรูหรา มีน้ำมีนวล ไม่เหมือนคนออยากแม้แต่น้อย แต่กลับเหมือนอันธพาลประจำเมืองอย่างไรอย่างนั้น

สถานการณ์เช่นนี้จัดการง่ายมาก ฉินเหยียนคว้าทรายจำนวนหนึ่งจากพื้นและโยนใส่ในหม้อโจ๊ก

“กินสิ กินได้ทุกอย่างเลย! ถุย”

เขาถ่มน้ำลายใส่โจ๊ก

ไม่เพียงแต่อันธพาลตระกูลจูเท่านั้นที่งุนงง แต่กองพันทหารม้าเสือดาวเองก็สับสนเช่นกัน

นี่ใช่อ๋องเหยียนที่พวกเขารู้จักหรือเปล่า?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์