องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 598

เมืองเปี้ยนจิง อาณาจักรจ้าว

ในเมืองหลวง แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะยังดูปกติ แต่หลังจากการเปลี่ยนอำนาจ ในราชสำนักได้เกิดการเปลี่ยนสายเลือดครั้งใหญ่ ภายในตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

ทั้งอาณาจักรจ้าวในทุกวันนี้ เรื่องแลกคือเรื่องความขัดแย้งในราชสำนัก เรื่องที่สองคือการแบ่งแยกดินแดน เรื่องที่สามคือโรคระบาด เรื่องที่สี่คือความอดอยาก ทุกเรื่องที่กล่าวมาทำให้เจ้าหน้าที่รัฐตกอยู่ในความลำบาก

ทุกคนรวมไปถึงนายพลสือและผู้ช่วยของเขา ทุกคนต่างมีภาระอันใหญ่หลวง

จักรพรรดินีจ้าวจีเอ๋อร์อ่านสาห์นรายงานสถานการณ์ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตหรือจำนวนผู้บาดเจ็บจากโรคระบาด หรือจำนวนผู้ก่อกบฏ

ประชาชนในเมืองอาศัยอยู่อย่างยากลำบาก ทั้งไร้บ้านและอดอยาก

แม้ว่านางจะรู้ว่าเศรษฐกิจในอาณาจักรจ้าวนั้นตกต่ำลงอย่างมากหลังสงคราม พื้นที่ดินแห้งแล้ง แต่นางไม่มีทางเปลี่ยนสถานการณ์เหล่านี้ให้ดีขึ้นได้ ทำได้แต่นั่งกังวล

ในตอนกลางวัน นางต้องแสร้งทำเป็นจะกรพรรดินีที่สูงศักดิ์ ชี้แนะและรับฟังเรื่องการบริหารบ้านเมือง

แต่เมื่อนางอยู่คนเดียวในวังตอนกลางคืน ความเหนื่อยล้าไร้พลัง ทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ อีกทั้งยังนอนไม่หลับ

ตั้งแต่จักรพรรดินีหญิงขึ้นครองบัลลังก์ นางไม่เคยนอนหลับสบายเลยสักคืน และวงจรนี้ก็วนซ้ำไปซ้ำมา หากฉินเหยียนยังไม่กลับมา นางรู้สึกว่านางคงทนไม่ไหวอีกต่อไป

...

เช้านี้

จ้าวจีเอ๋อร์นั่งอย่างสง่างามอยู่หลังม่าน ขุนนางฝั่งบู๊ฝั่งบุ๋นต่างเข้ามารายงานสถานการณ์ในแต่ละวันตามปกติ

เสนาบดีกรมกลาโหมก้าวไปข้างหน้า ประสานมือขึ้นรายงานว่า

“ฝ่าบาท ขณะมีกบฏอยู่นอกเมืองเปี้ยนจิงจำนวนมาก กองทัพทหารไม่สามารถยับยั้งพวกมันได้ พวกโจรป่าเหล่านั้นเหมือนต้นหอมที่ฟันแล้วก็ขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วพ่ะย่ะค่ะ!”

เสนาบดีกรมมหาดไทยยกมือขึ้นประสานเพื่อรายงานว่า

“ฝ่าบาท โรคระบาดกำลังแพร่กระจายไปทั่วเมือง ความอดอยากก็กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง หากราชสำนักยังไม่หารือเกี่ยวกับมาตรการการบรรเทาทุกข์ ข้าเกรงว่าอาณาจักรของเราคงไม่อาจอยู่รอดต่อไปได้อีกไม่นานพ่ะย่ะค่ะ!”

จ้าวจีเอ๋อร์ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว นางกุมหน้าผากเป็นเวลานาน แล้วถามออกมาว่า

“ทูตอาณาจักรฉินที่มายังอาณาจักรจ้าว ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด?”

ในท้องพระโรง ที่นำโดยสือเหล่ยยังคงส่ายหน้า ไม่ตอบคำถาม

เนื่องจากเกิดปัญหาไปทั่วทั้งอาณาจักร พวกเขานั้นยุ่งแทบไม่มีเวลาพัก อีกทั้งยังไม่ได้รับข่าวสารใดๆ จากอ๋องเหยียน พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้อ๋องเหยียนอยู่ที่ใด

สือเหล่ยนับวันด้วยนิ้วของเขา และรายงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่า

“ฝ่าบาท หากยึดตามกำหนดการของอ๋องเหยียนก่อนหน้านี้ พวกเขาจะต้องมาถึงเมืองหลวงเมื่อครึ่งเดือนก่อนพ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้พวกเขายังมาไม่ถึง กระหม่อมไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดทำให้กำหนดการล่าช้าหรือไม่”

เมื่อขุนนางคนสำคัญแห่งอาณาจักรจ้าวได้ยินคำว่าฉิน พวกเขารู้สึกโกรธและไม่พอใจขึ้นมาทันที

“ฝ่าบาท ชาวฉินไม่น่าไว้ใจ พวกเราไปเก็บเสบียงอาหารมาจากประชาชนแทนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

สือเหล่ยมองกลับด้วยสายตาไม่พอใจและพูดอย่างเย็นชาว่า

“การเก็บเสบียงอาหารจากประชาชน ไม่ได้หมายความว่าเจ้าทำไปเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ หรอกหรือ นี่คือวิธีการแก้ปัญหาของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

ขุนนางสำคัญของอาณาจักรจ้าวลูบเคราและจ้องมองเขา

สือเหล่ยจากไปพร้อมกับคนอื่นๆ

พวกขุนนางเก่าแก่แห่งอาณาจักรรวมตัวกัน พากันส่ายหน้าและถอนหายใจ

“จ้าวจีเอ่อร์ผู้นี้ ตั้งแต่กลับมาครองบัลลังก์นางไม่ไว้ใจพวกเราเลย ไม่ว่าพวกเราจะเสนอแนวทางอะไร นางก็ปฏิเสธมาโดยตลอด”

“ใช่ไหมเล่า ตอนนี้จ้าวจีเอ๋อร์กลายเป็นลูกน้องของพวกอาณาจักรฉินไปแล้ว!”

“ดูเหมือนว่าต้องรีบเสนอแผนการโค่นล้มอำนาจจ้าวจีเอ๋อร์เสียแล้ว มิฉะนั้นไม่ช้าก็เร็วอาณาจักรจ้าวจะถูกอาณาจักรฉินครอบงำแทน!”

...

ในเวลาเดียวกัน

ฉินเหยียนออกเดินทางมาจากอาณาจักรฉินเกือบเดือนครึ่งแล้ว ในตอนนี้ถือว่าเข้าใกล้เมืองเปี้ยนจิงแล้ว

ต้าหย่งขี่ม้าไปที่รถม้าของฉินเหยียนและรายงานว่า

“ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าความอดอยากในอาณาจักรจ้าวค่อนข้างจะร้ายแรงนะขอรับ พวกเราจะรีบตรงเข้าไปในเมืองหลวงเลยหรือไม่ขอรับ?”

เมื่อฉินเหยียนได้ยินเช่นนั้น เขาพลันนึกขึ้นมาได้ ถามว่า

“ดูเหมือนว่าข้าไม่ได้รับข่าวจากหลิวเขียนเชียนมานานแล้วใช่หรือไม่?”

ต้าหย่งเองก็รู้สึกว่าเป็นเวลานานแล้วเช่นกันที่ไม่ได้รับข่าวสาร เขาจึงเดาว่า

“ไม่ได้รับข่าวจากทางนายหญิงหลิวมานานแล้วขอรับ คงเป็นช่วงสงครามทำให้เครือข่ายของสายลับขาดไป ทำให้ข่าวสารทั้งหมดถูกปิดกั้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์