องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 656

เมื่อเฉิงเซินได้ยินว่าฉีกุ้ยเหรินยอมแล้ว เขาก็รู้สึกวางใจขึ้นมาทันที จึงได้รีบประสานมือคารวะพูดว่า

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปปฏิบัติเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

ตั้งแต่ออกจากแผนกซวนจิงแล้ว เฉิงเซินก็ได้ดำรงตำแหน่งแผนกแจ้งเหตุเพื่อส่งข่าวสาร

เมื่อมีเสียงตีกลองดังสนั่นกึกก้องบนกำแพงเมืองแล้ว ก็ได้เริ่มหาเบาะแสเกี่ยวกับชายแขนหัก ไม่จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายตื่นตูม ต้องการรู้ตำแหน่งของเขาเท่านั้น ท่ามกลางเสียงกลองสนั่น ไม่นานก็หาตำแหน่งที่ของกงซุนอู๋หมิงพบ

ขณะนี้เฝิงตู่กำลังกินดื่มอยู่ในร้านอาหาร ในขณะที่กำลังจะจ่ายเงินก็พบว่าเงินในกระเป๋าไม่สามารถจ่ายค่าเครื่องดื่มได้ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันที

บริกรเข้ามาโอบไหล่แล้วหันไปมองเฝิงตู่พร้อมขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “เจ้าคงมีเงินจ่ายใช่รึไม่?”

ในขณะที่เฝิงตู่กำลังกะพริบตาปริบๆก็มีความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมา หรือจะไปปล้นมาหน่อยดีนะ? เมื่อคิดเช่นนั้นอยู่ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาวางเงินบนโต๊ะ

“มื้อนี้ข้าจ่ายเอง”

เฝิงตู่หันหน้าไปมองแล้วพบว่าคนที่พูดคือเฉิงเซิน เขาขมวดคิ้วแล้วเอียงศีรษะพูดว่า

“เจ้าเนี่ยตามหลอกหลอนไม่เลิกนะ มาหาข้าเพราะอะไรอีก?”

เฉิงเซินประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม “ก็ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่มีเรื่องที่ลำบากใจต้องการให้ช่วย”

เฝิงตู่รู้ว่าเขาต้องไม่มีเจตนาดีแน่ จึงได้หัวเราะแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเป็นเรื่องลำบากใจ เช่นนั้นก็อย่าพูดเลย ขอบใจที่เลี้ยงข้า ขอตัวก่อน”

เมื่อว่าแล้วก็ท่าจะเดินไป แต่เฉิงเซินจะปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร เขารีบขวางทางของกงซุนอู๋หมิงแล้วพูดตรงๆว่า

“ช้าก่อน ที่จริงแล้วข้าอยากจะเรียนศิลปะการต่อสู้จากเจ้า เราสองคนเจอกันหลายครั้ง วิชาของข้าเป็นอย่างไร เชื่อว่าเจ้าคงรู้ดีแล้ว ข้าไม่อยากจะย่ำอยู่กับที่ ข้าอยากจะแข็งแกร่งขึ้น”

เฝิงตู่เหลือบตามองแล้วมองพิจารณาเฉิงเซินใหม่ ไม่คิดว่าเจ้าหนูนี่จะมีความทะเยอทะยานเช่นนี้

เขากอดอกแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าช่างกล้านักนะ ยังคิดจะเรียนศิลปะการต่อสู้จากข้าอีก แต่ว่ามีคนอยากเรียนจากข้าอยู่มากมาย วิชาของข้าไม่ได้จะสอนพร่ำเพรื่อหรอกนะ”

เฉิงเซินถามต่อว่า “ต้องทำอย่างไรจึงจะเรียนวิชากับเจ้าได้?”

เฝิงตู่ครุ่นคิด เขาเป็นถึงกงซุนอู๋หมิง นักฆ่าอันดับหนึ่งในยุทธภพเชียวนะ อยากจะไหว้เขาเป็นอาจารย์เพื่อเรียนวิชาด้วยจะง่ายดายได้อย่างไร และแล้วจึงได้พูดอย่างจริงจังว่า “อยากจะเรียนวิชากับข้า ต้องจ่ายเงิน!”

“ไปกัน เปลี่ยนที่คุยกันดีกว่า”

“ได้เลย” เฉิงเซินตอบรับแล้วรีบเดินตามกงซุนอู๋หมิงไป

เฝิงตู่เองก็ไม่คิดจะหลอกเขา เขาสอนอย่างจริงจัง “อย่างแรกข้าต้องดูกำลังขาของเจ้าก่อน”

ว่าแล้วเขาก็เดินก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าอย่างไม่สนใจ

เฉิงเซินเห็นเช่นนั้นก็รีบก้าวเท้าเร็วขึ้น เพื่อตามไม่ให้คลาด แต่เพียงแค่พริบตาเขาก็รู้สึกได้เลยว่าระยะของเขาและกงซุนอู๋หมิงห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ สมแล้วที่เป็นนักฆ่าที่ไร้ร่องรอย ฝีเท้าของเขายิ่งเร็วมากขึ้นราวกับไม่มีขีดจำกัด ทำเอาเฉิงเซินเหนื่อยจนเหงื่อท่วมตัว แต่ก็ยังไล่ตามไม่ทัน

เฝิงตู่เดินไปด้วยแล้วก็สอนวิธีการหายใจให้เขา “เจ้าต้องก้าวเท้าด้วยทั้งแปดทิศห้าธาตุ ผสมผสานกับลมหายใจ แล้วจะทำให้เดินได้เร็วมากยิ่งขึ้น”

แม้ว่าเฉิงเซินจะไม่ค่อยเข้าใจ ยังไม่สามารถเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งของมันได้อย่างถ่องแท้ แต่อาจารย์เป็นผู้นำทาง แต่ศิษย์นั้นต้องก้าวเดินด้วยตนเอง ตราบใดที่จดจำสิ่งสำคัญเอาไว้ได้ การฝึกฝนในอนาคตก็จะไม่ผิดพลาด และแล้วทั้งสองก็ได้มาถึงเวิ่งเฉิงที่อยู่นอกเซียนตูตามๆกัน

เฝิงตู่ยังคงหายใจสบายๆ เขาหยุดฝีเท้าลงแล้วยืนมองไปรอบๆอยู่หน้าประตูเวิ่งเฉิง ส่วนเฉิงเซินยืนหายใจหอบอยู่ข้างๆเขา ถนนตรงหน้ามีผู้คนเดินไปเดินมามากมาย เป็นภาพที่รุ่งเรืองยิ่งนัก

เฝิงตู่พูดอย่างจริงจังว่า “เวิ่งเฉิงเป็นที่ที่มีผู้คนมากมาย เจ้าไปวิ่งวนในนั้นหลายรอบแล้วก็จะเชี่ยวชาญการใช้เท้าและทักษะทางร่างกายขั้นพื้นฐาน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์