องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 658

ที่ฉีเยี่ยนเอ๋อร์ตอบสนองรุนแรงขนาดนี้ นั่นก็เพราะไป๋เสี่ยวเซิงแห่งอาณาจักรหลู่ก็เป็นหน่วยที่คอยรวบรวมข่าวสาร สถานการณ์ในตอนนี้คือหน่วยจารชนและหน่วยจารชนปะทะกัน

อีกทั้งจากรายงานที่กงซุนอู๋หมิงให้มา ได้มีคนของไป๋เสี่ยวเซิงแฝงตัวเข้าไปในสถานศึกษาแล้ว แถมยังเป็นอาจารย์อีกด้วย ปัญหาที่สำคัญคือยังไม่มีใครรายงานเรื่องนี้แก่นางเลย หากอ๋องเหยียนจับความผิดปกตได้คงแย่แน่

ฉีเยี่ยนเอ๋อร์พยายามสงบสติ นั่งรอต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องรีบทำการสืบหา ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของพวกไป๋เสี่ยวเซิงเอาไว้ตลอดเวลา

เมื่อจัดการทุกอย่างแล้วฉีเยี่ยนเอ๋อร์ก็ส่งจดหมายนกพิราบให้อ๋องเหยียน นางเขียนเรื่องที่ไป๋เสี่ยวเซิงเข้ามาในเซียนตู รวมถึงเรื่องที่แฝงตัวเข้าไปในสถานศึกษาในจดหมาย เมื่อนกพิราบบินไปแล้ว ข้อมูลก็เริ่มส่งต่อแล้ว

......

ในขณะเดียวกัน

อาณาจักรจ้าวที่รอการบูรณปฏิสังขรณ์ให้คืนสภาพเดิม ด้วยการชี้แนะของฉินเหยียนเมืองเปี้ยนจิงก็ฟื้นฟูได้ดีขึ้นมากแล้ว ในตอนนี้ฉินเหยียนกำลังตรวจสอบโรงงานอยู่

เหล่าชาวเมืองที่เคยคิดจะก่อกบฏ ตอนนี้ได้มาใช้แรงงานที่โรงงานกันหมด บางคนได้ไปทำไร่นา บางคนได้สร้างบ้านเรือน ทุกคนล้วนมีงานล้นมือ เพราะฉินเหยียนรับปากพวกเขาว่า ตราบใดที่ทำงาน ทุกคนก็จะได้รับคนละสิบอีแปะทุกวัน

เหล่าชาวเมืองที่แต่เดิมไม่พอใจ เมื่อครุ่นคิดอย่างดีแล้ว ในเมื่ออยู่ที่ได้มีเงิน มีอาหาร และมีที่อาศัย แล้วเหตุใดจะต้องถือสาคนอาณาจักรฉินด้วย อย่างไรก็เพื่อมีชีวิตอยู่ทั้งนั้น ดังนั้นทุกคนจึงได้ปล่อยวางความดื้อรั้นในอดีต พวกเขาก้มหน้าก้มตาตั้งหน้าตั้งตาบากบั่นทำเพื่อให้ได้เงิน

ทันใดนั้นต้าหย่งก็ได้รีบวิ่งมาหาฉินเหยียนแล้วประสานมือคารวะพูดว่า “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ว่าแล้วก็นำจดหมายนกพิราบถวายให้

ฉินเหยียนสีหน้าประหลาดใจแล้วรีบเปิดจดหมายอ่านทันที ในจดหมายได้เขียนไว้สองเรื่อง เรื่องแรกคือกงซุนอู๋หมิงบัดนี้อยู่ที่เซียนตู เมื่อเห็นดังนั้นฉินเหยียนก็ยิ้ม

ก่อนหน้านี้เขาก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่าด้วยนิสัยของเฝิงตู่ จะต้องคิดว่าที่ที่อันตรายที่สุดจะต้องปลอดภัยที่สุด ไม่คิดเลยว่าจะไปที่เซียนตูจริงๆ ฉินเหยียนเดาถูกจริงๆ

เขาพูดออกมาว่า “ดูท่าข้าคงต้องกลับไปเจรจากับเขาให้ดีก่อนแล้ว จะได้เอาเขามาเป็นคนของข้า”

เนื่องจากข้อความสั้นและกระชับมาก เขาไม่รู้ว่าคนจากตำหนักอ๋องเหยียน คิดจะดึงกงซุนอู๋หมิงมาเป็นพวกก่อนเขาแล้ว

ฉินเหยียนเปิดรายงานอีกฉบับออก ในนั้นเขียนเอาไว้ว่า หน่วยจารชนแห่งไป๋เสี่ยวเซิงได้เข้าไปในเซียนตู แล้ว อ๋องเหยียนโปรดรับสั่งด้วยว่าต้องการให้เปิดสงครามกับไป๋เสี่ยวเซิงรึไม่

ฉินเหยียนได้ยินดังนั้นก็พึมพำว่า “มนุษย์ในโลกนี้เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น การขนส่งทางน้ำล้วนเป็นพรรคเฉา”

ฉินเหยียนออกคำสั่งว่า “ให้หน่วยจารชนจับตาดูพรรคเฉาให้มากขึ้น หากมีการเคลื่อนไหวใดๆให้รายงานข้าทันที”

“พ่ะย่ะค่ะ!” สือเหล่ยประสานมือคารวะแล้วไปปฏิบัติทันที

เมื่อสือเหล่ยออกไปแล้วแนเหยียนก็หันไปยืนอยู่เบื้องหน้าของภาพแผนที่ขนาดใหญ่ เขาจ้องไปที่ตำแหน่งอาณาจักรหลู่แล้วครุ่นคิด สถานการณ์ปัจจุบันของอาณาจักรหลู่ไม่เล็กเลย หน่วยประวัติศาสตร์ในอาณาเขตนั้นรู้เรื่องการเมืองการปกครองของแต่ละอาณาจักรเป็นอย่างดี

พวกเขารู้และคุ้นเคยทุกอย่างเกี่ยวกับยุทธภพ หากมีเรื่องเล็กน้อยอะไร พวกเขามักจะรู้ก่อนใครๆโดยผ่านไป๋เสี่ยวเซิง อีกทั้งพรรคเฉาที่ครอบครองดูแลการขนส่งทางน้ำ รวมถึงบรมครูทางด้านวรรณคดีและกุนซือที่ทางสถานศึกษาทั้งสี่แห่งอบรมฝึกฝนออกมาอีก

ดูท่าว่าอาณาจักรหลู่จะเป็นที่ๆกลุ่มคนไม่ธรรมดารวมตัวกัน ยิ่งมีกำลังที่ทัดเทียมกัน ฉินเหยียนก็ยิ่งสนใจอาณาจักรหลู่มากยิ่งขึ้น

เขาวางแผนในใจว่า หากผ่านการอภิเษกสมรสแล้ว จะต้องไปพบพวกเสือสิงห์กระทิงแรดแห่งอาณาจักรหลู่สักหน่อยแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์