เฉิงเซินไม่กล้ารอช้า เขาประสานมือพูดว่า “ท่านขอรับ ในระยะนี้อาณาจักรฉินกำลังจะสร้างท้องพระคลัง ล้วนอยู่ระหว่างการสร้าง ตอนนี้ของเหล่านี้จึงส่งไปได้ที่จวนเจ้าเมือง เมื่อท้องพระคลังเรียบร้อยแล้วจึงจะส่งไปยังคลังแต่ละที่ขอรับ”
ต้าหย่งพูดอย่างจริงจังว่า “ข้ารู้แล้ว ถอยไปก่อนเถิด”
เมื่อพูดดังนั้นแล้วก็นำขบวนไปยังจวนเจ้าเมืองทันที
เฉิงเซินประสานมือคารวะส่งขบวนจากไป เมื่อขบวนลับสายตาไปแล้วเขาจึงจะกล้าผ่อนคลายแล้วพูดพึมพำว่า
“กองทัพพยัคฆ์เสือดาวไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ล้วนเป็นคนเด็ดเดี่ยว! ครั้งนี้คนที่กลับมาด้วยยังมีผู้ที่ครอบครองทวนสีเงินด้วย นั่นคือระดับหนึ่งในตำนานเชียวนะ! เปิดโลกทัศน์ของข้าจริงๆ! แต่ว่าหากนางและกงซุนอู๋หมิงสู้กัน ใครจะชนะกันนะ?”
เมื่อนึกถึงกงซุนอู๋หมิง จู่ๆเขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่เจอคนๆนั้นเลย “ว่าแต่ เจ้านั่นไปที่ใดแล้วนะ?”
เฉิงเซินมองหาไปรอบๆแต่ก็ไม่พบกงซุนอู๋หมิงเลย ราวกับว่าหายตัวไปอย่างสิ้นเชิง
......
บัดนี้เฝิงตู่กำลังแอบอยู่บนกำแพงเมือง แล้วมองลงไปที่ขบวนคาราวาน เขาคาดเดาว่าเจ้าหมอกลับมาแล้วรึเปล่านะ? สามารถตั้งขบวนที่ยิ่งใหญ่ได้มากขนาดนี้ มีกองทัพพยัคฆ์เสือดาวนับพันคุ้มกัน แถมทวนเงินนั่น เขาจำไม่ผิดแน่นอน ต้องเป็นหยางจิ่นซิ่วแน่ๆ
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วเฝิงตู่ก็ทำสีหน้าสงสัย ดูท่าว่าระยะนี้เขาต้องซ่อนตัวไว้แล้วสิ จะให้เจ้าหมอรู้ว่าเขาอยู่ที่เซียนตูมาตลอด แถมยังเป็นคนงานชั่วคราวอีก จะต้องหัวเราะเยาะเขาอย่างแน่นอน
เพื่อศักดิ์ศรีของตนเองต้องหายไปช่วงหนึ่งแล้วล่ะ ว่าแล้วเขาก็เคลื่อนที่ในพริบตาแล้วหายลับไปทันที
......
ในขณะที่เฉิงเซินกำลังหาตัวกงซุนอู๋หมิงไปทั่ว จู่ๆก็มีเสียงกลองดังขึ้น เป็นการเพิ่มระดับการคุ้มกันเซียนตูเมืองใหม่ ทุกคนในตำหนักอ๋องเหยียน ไม่ว่าจะอยู่ระดับอะไร จะยกเลิกวันพักผ่อนและทำงานเต็มเวลา ห้ามล่าช้าเด็ดขาด ยังมีเวลาอีกเจ็ดวันก่อนที่จะถึงพิธีอภิเษกสมรส แต่ระดับความคุ้มกันก็สูงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เฉิงเซินเองก็ไม่มีเวลาไปหากงซุนอู๋หมิง ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีสติและทำการจับตาดูไส้ศึกในเมือง หากมีอะไรเกิดขึ้นเพียงนิดเดียว ก็ห้ามประมาทเลย
พิธีอภิเษกสมรสของอ๋องเหยียนกำลังใกล้เข้ามา ระยะนี้กำลังรับสมัครผู้มีความสามารถมาทำการแสดงไปทั่วอาณาจักร
ไม่ว่าจะเป็นลานกว้างและกลางตลาดแต่ละที่ในเซียนตูต่างก็จัดตั้งเวที และมีการแสดงร้องเต้นเพื่อคัดเลือกทุกวัน ทำเอาเหล่าชาวเมืองต่างก็พากันมาดูอย่างสนุกสนานเต็มไปหมด
ในฐานะหัวหน้าแผนกซวนจิงเฉิงเซินพาหน่วยลาดตระเวนมาลานตระเวนอยู่ที่ลานกว้าง และเห็นว่ามีชายชรากำลังร้องเพลงอยู่บนลานแสดง
“ข้าน่ะยังอยาก มีชีวิตอยู่ต่ออีกห้าร้อยปี!”
เขาร้องเพลงจากก้นบึ้งของหัวใจ ร้องคร่ำครวญ ทำเอาคนจากหน่วยลาดตระเวนสีหน้าเปลี่ยนไปตามๆกัน
“ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกห้าร้อยปี กษัตริย์พันปีเต่าแปดหมื่นปีหรืออยู่ทน นี่เขาคิดจะเป็นเต่าชรารึไง”
เฉิงเซินจ้องนายทหารที่พูดเขม็ง “พูดมากเสียจริง พูดให้น้อยทำให้มาก ระวังจะเป็นภัยเพราะปาก”
“ขออภัยขอรับท่าน”
เฉิงเซินรีบพาขบวนเดินผ่านฝูงชนมาถึงใกล้หอสังเกตการณ์ที่หนึ่ง มือธงได้โบกธงส่งสัญญาณ ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจแล้วออกคำสั่งว่า
“เป้าหมายมีการเคลื่อนไหว แจ้งหน่วยลาดตระเวนรอบๆให้ทั่ว ให้ทำการสนับสนุนตรอกหนานหลัว”
“ตึงตึงตึงตึง......”
ท่ามกลางเสียงกลองที่ดังสนั่น หน่วยลาดตระเวนได้เข้ามารวมตัวกันอย่างทุกทิศ และเข้ามาประสานมือคารวะต่อหน้าของเฉิงเซิน
“ด้านนอกมีคนต้องการเข้าพบฉีกุ้ยเหริน กล่าวว่ามีเรื่องต้องรายงานเพคะ”
บัดนี้ฉีเยี่ยนเอ๋อร์กำลังคุกเข่าอยู่นอกฉากบังลมเพื่อรอเข้าพบฉินเหยียน ส่วนเรื่องอื่นไว้นางได้พบฉินเหยียนแล้วค่อยว่ากัน
“ให้เขารอไปก่อน ข้าไม่ได้พบอ๋องเหยียนนานแล้ว ไว้ข้าเข้าพบแล้วจะจัดการเอง”
ฉินเหยียนรับผ้าขนหนูมาเช็ดแล้วเดินออกมาจากหลังฉากบังลม เมื่อเห็นว่าฉีเยี่ยนเอ๋อร์คุกเข่าอยู่บนพื้นก็รีบพูดว่า
“รีบลุกขึ้นเถิด ตอนนี้เจ้ามีฐานะสูง อย่าเอาแต่คุกเข่าสิรีบลุกขึ้นเร็วเข้า”
ว่าแล้วก็เข้าไปพยุงฉีเยี่ยนเอ๋อร์ให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง นางก้มศีรษะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคารพนับถือ
“ฐานะแตกต่างกัน หม่อมฉันนับถืออ๋องเหยียนด้วยใจจริงเพคะ”
ฉินเหยียนตัดบทแล้วพูดว่า “อย่ายกยอข้า หากว่ากันตามศักดิ์แล้วข้าต้องเรียกเจ้าว่าแม่เลี้ยงเชียวนะ”
แววตาของฉีเยี่ยนเอ๋อร์ประกายความกระวนกระวายออกมาเล็กน้อย นางมองไปรอบๆแล้วก็มองฉินเหยียน
“อ๋องเหยียนเพคะ หม่อมฉันอยากจะคุยกับพระองค์เป็นการส่วนตัวจะได้รึไม่เพคะ?”
ฉินเหยียนยื่นผ้าขนหนูให้จ้าวจีเอ๋อร์แล้วออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าถอยไปก่อน”
เมื่อไปกันแล้วฉีเยี่ยนเอ๋อร์ก็ยื่นจดหมายลับให้ฉินเหยียน “หม่อมฉันได้ปฏิบัติตามคำสั่งของอ๋องเหยียนเรียบร้อยแล้วเพคะ และได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วว่าไส้ศึกเป็นของฝ่ายใด สามารถทำการบุกโจมตีได้ทุกเมื่อ อ๋องเหยียนโปรดชี้แนะด้วยเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...