องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 710

แม้ว่าบรรดาปั๋วซื่อเหล่านี้คิดว่าฉินเหยียนมีความสามารถและคิดว่าเขาเขียนออกมาได้เฉียบคมมาก แต่ไม่มีใครคิดว่าว่าฉินเหยียนจะทำให้คนอื่นๆ ประหลาดใจเช่นนี้

ในขณะที่ปั๋วซื่อกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น นักวิชาการหลายคนจากสำนักเผิงหลายก็มาถึง นอกจากนี้ยังมีสมาชิกราชวงศ์ที่ดูแลการสอบของสำนักไป่เสี่ยวเซิงในครั้งนี้อีกด้วย นั่นคืออ๋องหลานหลิง

บรรดาปั๋วซื่อเมื่อเจอหน้ากันต่างแลกของขวัญซึ่งกันและกัน

อ๋องหลานหลิงพุ่งเข้าประเด็นที่ต้องการพูด

“วันนี้สำนักไป๋เสี่ยวเซิงเปิดรับสมัครนักเรียนให้เข้าสอบเพื่อรับราชการ ในบรรดาคนเหล่านี้มีคนที่มีพรสวรรค์หรือมีคนที่เข้าตาบ้างหรือไม่?”

ปั๋วซื่อที่มีคุณสมบัติมากที่สุดในสำนักไป๋เสี่ยวเซิงยื่นขอสอบของเฉิงอาหนิวให้เขาแล้วพูดว่า

“มีอยู่คนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ ชายคนนี้เขียนนิทานสอนใจไม่ถึงสี่ชั่วโมงเสียด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ พระองค์โปรดอ่านดูพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องหลานหลิงหยิบกข้อสอบมาอ่านอยางระมัดระวัง จากนั้นกล่าวชมว่า

“เขียนนิทานเรื่อสามคนกลายเป็นเสือได้ไม่เลวเลยนี่ ทั้งการแต่งประโยค ได้สร้างรูปแบบการยกตัวอย่างใหม่ๆ ชายคนนี้เขียนตัวอย่างที่มีจากเรื่องจริงและสามารถนำไปใช้ได้จริงหรือ?”

“ได้ขอรับ”

ชายชราหยิบกระดาษข้อสอบใบที่สองของเฉิงอาหนิวออกมาแล้วมอบให้อ๋องหลานหลิง

หลังจากที่อ๋องหลานหลิงอ่านข้อสอบ สมองเขาสั่นสะเทือนทันที รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ประการแรกเป็นเพราะรูปแบบการเขียนของเฉิงอาหนิว ประการที่สองคือพฤติกรรมที่น่าตกใจของอ๋องเหยียน

หากอ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินถ่อมตนต่อคนที่มีสถานะต่ำต้อยกว่าตน แต่คนที่มีความสามารถวางตัวและปฏิบัติต่อกันด้วยความสุภาพ จุดนี้ชาวอาณาจักรหลู่อย่างพวกเขาไม่อาจเทียบได้

เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองปั๋วซื่อและพูดอย่างมีความหมาย

“เนื้อหาด้านในเป็นความหมายที่แท้จริงของการเดินหน้าอย่างรวดเร็วของอาณาจักรฉิน พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?”

คำถามนี้ทำให้ปั๋วซื่อหลายคนต่างนิ่งงัน ต่างหยิบข้อสอบของเฉิงอาหนิวมาอ่าน

พวกเขาเข้าใจเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่เขาไม่เข้าใจความหมายของอ๋องหลานหลิง พวกเขาจึงพากันส่ายหน้า

เห็นได้ชัดว่าอ๋องหลานหลิงผิดหวังเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและพูดอย่างชี้แนะว่า

“ตอนนี้ในอาณาจักรหลู่ของพวกเรา เรื่องการแบ่งชนชั้นนั้นชัดเจนมาก คิดอยากจะข้ามชนชั้น และเปลี่ยนจากคนทั่วไปมาเป็นข้าราชการนั้นยังยากมาก”

“แต่ถ้าเจ้าอ่านดูดีๆ อาณาจักรฉินแทบจะไม่มีแนวคิดนี้อยู่เลย แม้แต่คนทั่วไปหรือลูกขอทานก็สามารถเข้าเรียนได้”

“แต่อาณาจักรหลู่ของเรา แม้ว่าเราจะให้โอกาสคนทั่วไปได้เป็นข้าราชการในสำนักไป๋เสี่ยวเซิง พวกเขาต้องผ่านการสอบหลายขั้น ถึงจะมีโอกาสสอบ นี่คือช่องว่าง”

หลังจากที่อ๋องหลานหลิงพูดเช่นนั้น ทุกคนต่างเงียบ ท้ายที่สุดแนวคิดด้านการเรียนที่หยั่งรากลึกในอาณาจักรหลู่นั้นเป็นเรื่องยากที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง

อ๋องหลานหลิงถอนหายใจเบาๆ และถามออกไปว่า

“เจ้าวางแผนทดสอบผู้สมัครสอบรายนี้อย่างไร?”

ชาชราประสานมือตอบกลับว่า

“พวกเราได้หารือกันแล้วพ่ะย่ะค่ะว่าจะให้ชายคนนี้เขียนนิทานสอนใจต่อ หากเขาสามารถเขียนออดมาได้ดี เขาจะได้รับการเลื่อนขั้นหนึ่งอันดับ”

ฮ่องเต้พอใจกับคำตอบ

“ไม่เลว ส่งต่อคำสั่งทันที ให้เขาเขียนนิทานสอนใจต่อ ข้าเองก็อยากเห็นว่าเขามีขีดจำกัดแค่ไหน”

ขณะที่เขาพูด ประตูห้องก็ถูกเปิดจากด้านนอก อ๋องหลานหลิงเดินเข้ามา

ผู้รับผิดชอบรีบโค้งคำนับและกล่าวอย่างเคารพ

“เข้าเฝ้าอ๋องหลานหลิง”

เมื่ออ๋องหลานหลิงเดินเข้ามาในห้อง สายตาเขาจ้องไปที่ฉินเหยียน เขาพูดอย่างสบายๆ ว่า

“ทำตัวตามสบาย”

จากนั้นเขาก็ถามว่า

“เรื่องสามคนกลายเป็นเสือ เจ้าเป็นคนเขียนอย่างนั้นหรือ?”

ฉินเหยียนและอ๋องหลานหลิงมองหน้ากัน

“ข้าเขียนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้หลานหลิยิ้มและกล่าวชม

“เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์!”

บทสนทนาได้เปลี่ยนไป ขาพูดต่อว่า

“พวกเราได้หนังสือเวทมนตร์เล่มหนึ่งมา มีชื่อว่าพิชัยสงครามซุนจื่อ”

“หนังสือเล่มนี้ได้รับการคัดลอกจากบรรพบุรุษ ตั้งใจที่จะส่งต่อรุ่นสู่รุ่น ข้าคิดเห็นว่าเจ้ามีความคิดสร้างสรรค์ดี สามารถเขียนนิทานสอนใจได้ดี ข้าตั้งใจจะพิมพ์หนังสือให้เจ้า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์