องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 711

ทันทีที่อ๋องหลานหลิงพูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักเรียนและปั๋วซื่อในสำนักศึกษาต่างแสดงท่าทีประหลาดใจ

เนื่องจากอาณาจักรหลู่ให้ความสำคัญกับวรรณกรรม ทุกคนจึงถือว่าการที่วรรณกรรมของตนเองได้ถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือถือว่าเป็นรางวัลที่ดีที่สุด

แม้ว่าจะไม่เคยเป็นข้าราชการมาก่อน แต่ก็อยากเขียนหนังสือที่สามารถนำมาวางไว้ที่ศาลาประวัติศาสตร์ เพื่อที่ว่าตนจะได้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ต่อไป

การตีพิมพ์หนังสือเป็นเป้าหมายและความฝันของพวกเขา รวมทั้งปั๋วซื่อหลายคนที่ศึกษามานานหลายปี แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ตีพิมพ์หนังสือออกมาเลย ไม่คิดว่าอ๋องหลานหลิงจะให้โอกาสนี้แก่ผู้มาใหม่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกอิจฉา

แต่ฉินเหยียนไม่รู้ว่าการตีพิมพ์หนังสือนั้นเป็นเรื่องยิ่งใหญ่และเป็นความฝันของบรรดานักเรียนในอาณาจักรหลู่ เขาเห็นแค่สีหน้าประลาดใจของพวกเขา เขาจึงรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย

หากบอกคนเหล่านี้ว่า หนังสือพิชัยสงครามซุนจื่อเขาเป็นคนเขียนล่ะก็ คงทำให้พวกเขาอึ้งจนกรามค้างแน่นอน

แต่ต้องบอกว่า หนังสือที่สามารถแข่งกับหนังสือพิชัยสงครามซุนจื่อได้ คงมีแต่สามสิบหกกลยุทธ์ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี

การนำสามสิบหกกลยุทธ์เข้ามาผูกเรื่อง ดูเหมือนว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ไม่ยากสำหรับเขาคนที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เขาจะทำให้สำเร็จหมือนปอกกล้วย!”

“สามารถตีพิมพ์เป็นหนังสือได้หรือ เช่นนั้นข้าจะลองเขียน”

เมื่ออ๋องหลานหลิงได้ยินคำตอบ เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า

“เจ้าค่อยๆ เขียน นิทานสอนใจทุกเรื่องหากเจ้าทำให้ข้าประทับใจได้ ข้าจะขอให้สำนักไป๋เสี่ยวเซิงเลื่อนขั้นอันดับให้เจ้า หากเจ้าเขียนได้เก้าเรื่อง ก็จะได้อันดับหนึ่งในสำนักไป๋เสี่ยวเซิง โอกาสดีเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าจะมีได้กันทุกคน”

ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ

“ไม่พอ ไม่ใช่ว่าต้องตีพิมพ์หนังสือหรอกหรือ เก้าเรื่องพอที่ไหนกันเล่า ข้าจะเขียนให้เจ้าสามสิบหกเรื่องเลย!”

เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกไป ทุกคนต่างพากันตกใจ

“เท่าไรนะ? เขียนนิทานสอนใจสามสิบหกเรื่อง เขาไม่คิดว่าเขาพูดเกินจริงเกินไปหรือ?”

“บ้าไปแล้ว คงเป็นเพราะเรื่องเลื่อนขั้น ทำให้เขาเสียสติไปแล้ว!”

เห็นได้ชัดว่าอ๋องหลานหลิงไม่คาดคิดว่านักเรียนคนอื่นจะพูดเสียงดังขนาดนี้ มีรอยยิ้มที่ไม่อาจอ่านความหมายได้บนหน้าเขา

“เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเราออกไปรอข้างนอกเถิด รอดูว่าเขาจะเขียนออกมาได้มากแค่ไหน”

พูดจบเขาก็หันหลังและเดินจากไป ทุกคนในลานต่างรอข่าวดี

ไม่นานหลังจากที่ทุกคนเดินจากไป ฉินเหยียนก็เขียนโครงเรื่องและขอให้คนที่ดูแลกระจายเรื่องนี้ออกไป

อ๋องหลานหลิงรับช่วงต่อ เห็นข้อความในนั้น และอ่านโดยไม่รู้ตัว

“สร้างความมั่งคั่งย่อมมีกำไร ไม่จำเป็นต้องได้มาด้วยแรงกาย หากไม่มีอำนาจ ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ”

ทันทีที่ประโยคนี่หลุดออกไป เขารู้สึกตกใจในใจ

หลังจากรักษาโรคหายแล้ว ขอให้ผู้ป่วยช่วยปลูกต้นอัลมอนด์ไว้ใกล้บ้าน หากป่วยหนักให้ปลูกห้าต้น หากป่วยเล็กน้อยให้ปลูกหนึ่งต้น

ในช่วงไม่กี่ปีต่อมาเป็นผลให้มีต้นอัลมอนด์นับหมื่นต้น กลายเป็นไร่อัลมอนด์ขนาดใหญ่

ในฤดูร้อน เมื่อต้นอัลมอนด์ออกผล เขาได้สร้างโรงธัญพืช บอกคนรอบข้างว่าสามารถนำเมล็ดพืชมาเก็บเอาไว้ได้แลกกับผลอัลมอนด์

ผลอัลมอนด์มีหน้าที่ช่วยล้างปอดและแก้ไอ ประกอบกับชื่อเสียงของหมอทวดา ผู้คนต่างพูดว่าการกินผลอัลมอนด์จากไร่ของเขาทำให้หายจากโรคได้

ในไม่ช้า อัลมอนด์ในเมืองใกล้เคียงถูกขายในราคาที่สูงมาก แม้แต่เมล็ดพืชก็ไม่อาจแลกผลอัลมอนด์หนึ่งผลได้

คนธรรมดาไม่มีเงินจ่าย แต่พวกคนรวยพื้นที่รอบๆ หลังจากทราบเรื่องนี้ จึงเปลี่ยนมาปลูกต้นอัลมอนด์แทน

ไม่นาน โกดังของพวกเขาเต็มไปด้วยเสบียงอาหาร

ในปีที่ความอดอยากเข้าครอบงำ ชาวบ้านตกอยู่ในความยากลำบาก หมอเทวดาได้เปิดยุ้งฉางของตนเพื่อปล่อยเสบียงอาหารให้แก่คนในท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นชื่อไร่อัลมอนด์จึงแพร่กระจายราวกับไฟป่า เรื่องน้ำใจของหมอไม่เพียงแต่อธิบายถึงทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและจรรยาบรรณอันสูงส่งของหมอเทวดาเท่านั้น แต่รวมถึงภูมิปัญญาที่โดดเด่นเมื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอีกด้วย

หลังจากฉินเหยียนเขียนนิทานเรื่องนี้เสร็จ เขายังเขียนวิธีเชิงปฏิบัติลงไปอีกด้วย

“แม้ว่าการฟื้นคืนไร่อัลมอนด์จะเป็นเจตนาที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่อาณาจักรฉินได้ประยุกต์วิธีนี้เพื่อใช้กับอาณาจักรจ้าว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทำให้เศรษฐกิจของอาณาจักรจ้าวหยุดชะงักและนำไปสู่การทำลายล้างทั้งอาณาจักร”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์