องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 722

ในสมัยโบราณนั้นไม่มีกิจกรรมบันเทิงอะไร การที่สามารถมีเรื่องเล่าที่สามารถอ่านในยามราตรีได้ ก็สามารถทำให้ไฟตะเกียงทุกๆบ้านสว่างได้แล้ว เรื่องเล่าของม่านประเพณีได้แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของผู้หญิงทุกคนในท้องถิ่นแล้ว

เหล่าหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะคัดค้านความไม่ยุติธรรมของชะตากรรม เพื่อแสดงถึงความทุกข์และความไม่พอใจของตน จากที่ยินยอมทุกอย่าง อดทนต่อทุกสิ่ง จนตอนนี้ที่บางทีจะไม่ไว้หน้าสามี

กระทั่งในตอนที่สามีกลับมาบ้านแล้ว ก็จะไม่ยกน้ำล้างเท้ามาให้ บางคนก็จงใจใส่เกลือในอาหารให้มากขึ้น ทันทีที่สามีคีบเข้าปากคำเดียว ก็รีบคายออกมาทันที จากนั้นก็วางตะเกียบลงอย่างแรงแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า

“ทำเค็มขนาดนี้จะทานได้อย่างไร!”

ภรรยาเองก็เผยสีหน้าที่ไม่พอใจ และวางตะเกียบลงอย่างแรงเช่นนั้น จากนั้นก็ดึงหน้าแล้วพูดว่า

“ไม่อยากทานก็ไม่ต้องทาน”

ทันทีที่พูดเช่นนั้นแล้วก็ทำเอาสามีอึ้งไป เมื่อดึงสติกลับมาได้แล้วก็ชี้ไปยังภรรยาแล้วด่าทอว่า

“ต่อว่าเจ้านิดๆหน่อยๆยังกล้าเถียงกลับเชียวรึ คิดจะต่อต้านระเบียบงั้นรึ!”

ภรรยาเองก็ไม่อยากจะมีปากเสียงกับสามี ปล่อยให้สามีพูดตามใจ ต่อให้จะเป็นอย่างไรนางก็จะต่อต้านจนถึงที่สุด สามีด่าทอมากมาย แต่ภรรยาก็นิ่งเฉย จนกระทั่งทำอะไรไม่ได้จึงได้ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวว่า

“เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ใช่รึไม่?”

เมื่อภรรยาได้ยินเช่นนั้นก็เดือดดาลเช่นกัน นางถอดผ้ากันเปื้อนแล้วสะบัดกับพื้นแล้วพูดอย่างน่าเกรงขามว่า

“เมื่อก่อนไม่ว่าเจ้าจะต่อว่าข้าอย่างไรข้าก็อดทนแล้ว แต่กระต่ายจนมุมยังกล้ากัดคน ตอนนี้หากเจ้าไม่พอใจข้า จะหย่าร้างก็หย่า ไม่เช่นนั้นก็แยกกัน ข้าไม่สนอะไรทั้งนั้น!”

นี่เป็นครั้งแรกที่สามีได้เห็นภรรยาพูดเช่นนี้กับเขา เขาอึ้งอยู่กับที่และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เรื่องราวที่ภรรยาต่อต้านสามีได้เกิดขึ้นในทุกครอบครัว เมื่อเรื่องเล่าเรื่องนี้ปรากฏขึ้น ก็ทำให้ความสัมพันธ์สามีภรรยาในอาณาจักรหลู่เกิดความร้าวฉานมากมาย

......

ในขณะเดียวกันนั้นฉินเหยียนก็กำลังพักผ่อนอยู่ในเมืองๆหนึ่ง เมื่อผ่านเมืองนี้ไปก็จะถึงเมืองไป๋ลู่ เมื่อมองไปแล้วในทุกคนในทุกๆตรอกซอยในเมืองต่างก็ถือหนังสือเรื่องเล่าม่านประเพณีเอาไว้ แม้แต่นักเล่าเรื่องตามท้องถนนเองก็กำลังเล่าเรื่องม่านประเพณี

ฉินเหยียน หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายเองก็หยุดฝีเท้าลงเพื่อฟังด้วย ผู้ที่ล้อมนักเล่าเรื่องอยู่ล้วนเป็นผู้ชาย เมื่อมองไปยังสีหน้าของทุกคนแล้วก็เห็นว่าทุกคนฟังอย่างเพลิดเพลินมาก แต่เพราะในท้องถนนไม่มีผู้หญิง จึงไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของหนังสือเล่มนี้เป็นเช่นไรบ้าง

แต่เมื่อเดินผ่านก็มักได้ยินผู้ชายอาณาจักรหลู่พูดกล่าวโทษกันว่า

“นางผู้หญิงของข้าคนนั้น วันนี้ก็ทำอาหารเค็มมาก ทานไม่ได้เลยสักนิด”

“ของข้าเองก็เหมือนกัน ตอนนี้ไม่ยกแม้กระทั่งน้ำล้างเท้าให้ข้าแล้ว น่าโมโหยิ่งนัก”

“ของข้ายิ่งกว่านั้นอีก ยังกล้าพูดว่าจะหย่าร้างกับข้า บอกว่าต่อให้ทิ้งไปก็ไม่เป็นไร นี่มันกลับตาลปัตรแล้ว!”

หลิวเชียนเชียนเห็นท่าทีของเขา เขาแสดงความรู้สึกอกหักได้ดีมาก โดยเฉพาะในฉากร้องไห้ ทำให้รู้สึกชื่นชอบอย่างมาก

นางพูดอย่างพอใจว่า “พอแล้วล่ะ ฝึกซ้อมเช่นนี้ต่อไปอีกสองสามวัน อีกไม่กี่วันก็เตรียมขึ้นแสดง”

พันอันออกจากการแสดงแล้วถามว่า “ผู้คุมหอขอรับ นายท่านคิดจะให้ข้าเลื่องชื่อด้วยการแสดงงั้นรึขอรับ?”

หลิวเชียนเชียนพยักหน้า “ใช่แล้ว”

พันอันเองก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย แม้ว่าการให้เขาแสดงนั้นเป็นข่าวดี แต่มักรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ เขาถามอย่างสงสัยว่า

“แต่ว่า เพียงแค่หนังสือเรื่องเล่านี้มีการแสดง ข้าก็สามารถเป็นที่น่าหลงใหลในอาณาจักรหลู่ได้แล้วรึขอรับ?”

หลิวเชียนเชียนพูดอย่างจริงจังว่า “หากนายท่านพูดว่าได้ก็ต้องได้ นับตั้งแต่ตอนนี้เจ้าคือตัวเอกของเรื่องนี้ เจ้าคือเหลียงซานป๋อ ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ทำตามที่สั่งก็พอแล้ว”

เมื่อเรื่องถึงจุดนี้แล้ว พันอันจึงต้องเลือกที่จะเชื่อเท่านั้น

จากนั้นหลายวันพันอันก็ศึกษาทุกย่างก้าวของเหลียงซานป๋อ

หลิวเชียนเชียนออกคำสั่งให้คนไปจัดลานเวทีแสดงที่ลานกว้างที่ใหญ่ที่สุด ส่วนทางวิสาหกิจก็ทำการประชาสัมพันธ์เรื่องเล่าของม่านประเพณีต่อไป ทุกอย่างกำลังเตรียมการเพื่อการแสดงครั้งใหญ่นี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์