องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 751

จ้าวเหวินเซิงพูดออกมาเช่นนี้ ซือหม่าจี๋ถึงกับอึ้งไป เขาขนลุกชันไปทั้งตัว

เขาไม่เคยเข้าใจเรื่องนี้มาก่อน ตามเอกสารทั้งหมด นักปราชญ์ส่วนใหญ่สามารถทำให้ดอกบัวทองคำบานได้แค่สามดอกเท่านั้น

แต่เฉิงอาหนิวทำให้ดอกบัวทองคำทั้งเก้าดอกบานได้ ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หลังจากได้ยินประโยคที่จ้าวเหวินเซิงพูดออกมา เขาตระหนักได้ว่าหากดอกบัวทั้งเก้าเป็นตัวแทนของเจ็ดอาณาจักรในจิ่วโจวนี้ เป็นนักปราชญ์ด้านวรรณกรรมจากอาณาจักรหลู่ ถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล

จ้าวเหวินเซิงถอนหายใจและพูดว่า

“ตอนที่ผู้ดูแลหอหลิวนำตัวจ้าวจือหย่ากลับมาส่งให้ ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายในอาณาจักรหลู่ หากเฉิงอาหนิวเป็นอ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินจริงๆ ข้ากลัวว่าอาณาจักรหลู่อาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น”

ซือหม่าจี๋พูดเสียงเบาลงไปอีก

“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาเป็นนักปราชญ์จิ่วเหลียนแล้ว อีกทั้งเขายังมีชื่อเสียงด้านการรบในอาณาจักรหลู่ มีนักเรียนกว่าพันคนคอยสนับสนุนเขา สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้คือรอดูความเปลี่ยนแปลง”

จ้าวเหวินเซิงขมวดคิ้ว

“ในเมื่อท่านผู้อาวุโสไม่ยอมให้จัดการเขา เราจะแก้ไขวิกฤตนี้อย่างไรดี?”

ซือหม่าจี๋มีสีหน้าเคร่งขรึม

“ก่อนที่ข้าจะกลับมาใช้วิธีการทำนายอนาคต หากแก้ไขไม่ได้ เช่นนั้นท่านผู้อาวุโสจะใช้วิธีต้องห้ามแล้ว”

สิ้นประโยคนั้น ทั้งสองจมอยู่ในความเงียบ รู้สึกว่าทัศนคติทั้งสามด้านพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง สมองเขาไม่อาจประมวลผลอย่างอื่นได้อีกแล้ว

อีกอย่างประเด็นสำคัญนั่นคือ คงจะดีเสียกว่าหากตั้งแต่แรกเขาไม่รู้ว่าเฉิงอาหนิวคืออ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน เพราะเฉิงอาหนิวเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีภูมิหลังอะไรที่พิเศษ หากฮ่องเต้หลู่สังหารเขา เขาก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาก

เลือดนักปราชญ์หยดลงสู่ผืนดิน อาจทำให้เกิดความแห้งแล้งเป็นเวลาสามปีเท่านั้น แต่ท้องพระคลังในอาณาจักรหลู่มีเสบียงอาหารเต็มแล้ว ดังนั้นภัยพิบัติเล็กน้อยนี้จึงไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก

แต่ถ้าเฉิงอาหนิวคืออ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินจริงๆ ท่านผู้อาวุโสเดาว่า กองทัพทหารต้องบุกเข้าโจมตีเขา ด้วยกำลังและความสามารถด้านการต่อสู้ของอาณาจักรฉิน เช่นเดียวกับชื่อเสี่ยงของอ๋องเหยียนแห่งอาราจักรฉิน หากเขาตายไป ทุกพื้นที่ต้องเต็มไปด้วยเลือดอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลานั้น ไม่เพียงแต่อาณาจักรหลู่เท่านั้น แต่รวมถึงอาณาจักรอื่นด้วยที่อาจถูกทำลายและฝังไปด้วยกัน จิ่วโจวจะเหมือนไฟล้างชำระโลก

พวกเขาทั้งสองดื่มเหล้าและนั่งถอนหายใจตลอดทั้งคืน

ซือหม่าจี๋ถอนหายใจเป็นครั้งคราว

“อาณาจักรฉินเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง หากเขาไม่ลงมือ แต่เมื่อเขาลงมือเขาสามารถทำลายโลกใบนี้ได้เลย”

จ้าวเหวินเซิงยิ่งทำอะไรไม่ถูกมากกว่าเดิม

“สตรีที่อยู่ข้างกายอ๋องเหยียนได้รับการฝึกฝนอย่างแข็งแกร่ง ไม่ต้องพูดถึงคนในตำหนักอ๋องเหยียนนับล้านคนนั้นเลย”

ซือหม่าจี๋ถอนหายใจยาว และพูดอีกว่า

“ตามรายงานล่าสุดของสำนักไป๋เสี่ยวเซิง ตอนนี้ในตำหนักอ๋องเหยียนมีจำนวนสมาชิกเกือบห้าล้านคนแล้ว”

“ว่าอย่างไรนะ?”

ห้าล้าน สำหรับจ้าวเหวินเซิงแล้วนั้นเป็นตัวเลขที่เป็นไปไม่ได้ นั่นทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก

“เป็นได้หรือไม่ว่าคนในอาณาจักรฉินจะเป็นศิษย์ผู้ภักดีในตำหนักอ๋องเหยียน”

ซือหม่าจี๋ยิ้มเยือกเย็นและตอบว่า

“ไม่เพียงแค่อาณาจักรฉินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาณาจักรจ้าวด้วย คนที่จงรักภักดีต่ออ๋องเหยียนนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง”

“ท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียนขอเชิญท่านทั้งสองไปชมการแสดงที่จัตุรัสไป๋ลู่ขอรับ”

ในห้องจ้าวเหวินเซิงและซือหม่าจี๋มองหน้ากันด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าเฉิงอาหนิวต้องการทำอะไรกันแน่ รีบสวมเสื้อคลุมและตรงไปที่ประตู

เถาซงจือทำความเคารพอย่างรวดเร็ว

“ยินดีที่ได้เจอคณบดีทั้งสองท่านขอรับ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยื่นคำเชิญให้ทั้งสองคน

จ้าวเหวินเซิงหยิบคำเชิญขึ้นมา เหลือบมองแวบหนึ่งแล้วถามอย่างวางท่าว่า

“นี่คือการแสดงแบบใดหรือ?”

เถาซงจืออธิบาย

“เป็นการแสดงละครตามหนังสือนิยายที่ได้รับความนิยมในอาณาจักรหลู่ในช่วงนี้ มีชื่อเรื่องว่าม่านประเพณี ได้มาจัดการแสดงขึ้นที่เมืองไป๋ลู่ ท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียนได้สร้างเวทีสำหรับคณะละครและเชิญพวกท่านมาชมการแสดงด้วยกันขอรับ”

“อย่างไรก็ตาม ข้อใช้โอกาสนี้ตอบคำถามแรกที่ท่านด้วยขอรับ”

เมื่อจ้าวเหวินเซิงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ

“เขาจะตอบคำถามข้อใดหรือ?”

เถาซงจือยิ้มอย่างสุภาพ ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า

“ท่านคณบดีทั้งสองได้โปรดรอดูเถิด ข้าขอตัวลากลับก่อน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์