องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 750

“จะเป็นไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”

“อ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน เป็นผู้มีอำนาจเหนือคนทั้งปวงแค่รองจากฮ่องเต้เท่านั้น จะเป็นเฉิงอาหนิวได้อย่างไรกัน!”

ซือหม่าจี๋ไม่อยากเชื่อความจริงข้อนี้ เขาถอนหายใจและพูดด้วยเสียงต่ำ

“ตั้งแต่ข้ากลับมาข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาทั้งวัน การคาดเดาของท่านผู้อาวุโสไม่ได้ไร้เหตุผล มีแนวโน้มว่าจะเป็นจริงอยู่มาก”

สมองของจ้าวเหวินเซิงไม่อาจประมวลผลได้อีกต่อไป เขาจึงไล่ถามว่า

“เจ้าเล่าให้ข้าฟังอย่าละเอียดอีกทีสิ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

ซือหม่าจี๋เล่าว่า

“ตอนที่ข้าไปเยือนอาณาจักรจ้าวเป็นครั้งแรก ไม่ว่าเรื่องอะไร เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แม้แต่การเจรจา เขาจะเป็นคนเข้ามาจัดการทั้งหมด”

“จากมุมมองของข้า อ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน เขาเป็นนักรบที่รูปร่างเทอะทะ พูดจาอ้อมค้อม ตลอดการเจรจาเขาถนอมคำพูดดั่งทองคำ ทั้งหมดเฉิงอาหนิวเป็นคนจัดการแทน”

“แต่ตามตำนานที่เล่ากันมา อ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินเป็นคนโน้มน้าวใจคนเก่ง เขาแต่กต่างจากที่ข้าเจอโดยสิ้นเชิง”

“หากชายร่างใหญ่เทอะทะคนนั้นไม่ใช่อ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินจริงๆ แล้วล่ะก็ เช่นนั้นเขาเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด อ๋องเหยียนที่แท้จริงคือเฉิงอาหนิวที่คอยกำกับงานในครั้งนั้นเป็นแน่”

จ้าวเหวินเซิงรู้สึกจุกในใจ แต่เขายังไม่ยอมรับ เขาถามต่อว่า

“แค่จุดนี้เองหรือ? บางทีอาจจะเป็นอ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินเองที่ต้องการแสดงละครตบตาคนอื่น ทำให้คนอื่นสับสน เจ้ามีคาดเดาเช่นนี้เอาไว้หรือไม่?”

ซือหม่าจี๋ยืนขึ้นและหยิบหนังสืออกมาจากตู้ สำนักศึกษาไป๋เสี่ยวเซิงได้บันทึกชื่อนักรบเอาไว้ เราปัดไปทีละหน้าและยื่นให้จ้าวเหวินเซิงดู

“ท่านผู้อาวุโสค้นพบจากรายงานทั้งหมดว่า เขาอยู่ในอันดับห้าและอันดับเก้าในรายชื่อนักรบ”

จ้าวเหวินเซิงไม่สนใจเรื่องในใต้หล้านี้ เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสองคนนี้เลยแม้แต่น้อย บอกข้าเสียหน่อยว่าสองคนนี้มีอะไรพิเศษอย่างนั้นหรือ?”

ซือหม่าจี๋อธิบาย

“นักรบหน้าหยกอันดับห้า ให้หอกแห่งตระกูลหยางได้คล่องมือมาก และรักษสหน้าผี อันดับเก้า เก่งเรื่องการยิงธนู”

“สองคนนี้เป็นใครมาจากที่ใดไม่อาจทราบได้ แต่สิบสามหอกแห่งตระกูลหยางของนักรบหน้าหยก เอาชนะนักรบฝีมือดีมานับไม่ถ้วน อีกทั้งทักษะการยิงธนูของรักษสหน้าผีก็ไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว”

จ้าวเหวินเซิงได้ยินเช่นนั้นเชาพลันสับสน

“เจ้าอยากบอกอะไรข้ากันแน่?”

ซือหม่าจี๋ตอบว่า

“ประการแรก สองคนนี้เป็นผู้หญิง อีกทั้งเป็นองครักษ์ส่วนตัวของอ๋องเหยียน ตำแหน่งทางการของพวกนางคือผู้บังคับการทหารม้าหาญอันดับหก”

จ้าวเหวินเซิงยิ่งสับสนมากขึ้น

“แต่เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเฉิงอาหนิวกัน?”

ซือหม่าจี๋พูดอย่างจริงจัง

“พวกเราส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ยังรอข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ หากผู้ดูแลหอหม่านฮวา หลิวเชียนเชียน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในหอหม่านฮวาแล้ว เกรงว่าเรื่องที่เฉิงอาหนิวจะเป็นอ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน มีความเป็นไปได้สูงมาก”

ทันทีที่สิ้นประโยคนี้ ทั้สองต่างตกอยู่ในความเงียบและเข้าใจความมหายไปโดยปริยาย

เนื่องจากหลิวเชียนเชียนเป็นองครักษ์หญิงอันดับหนึ่งของอ๋องเหยียน นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจเถียงได้

เมื่ออาณาจักรฉินทำลายอาณาจักรจ้าว หลิวเชียนเชียนเป็นตัวแปรสำคัญที่ขาดไม่ได้ ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี

ต่อมาพวกเขารู้ว่าหลิวเชียนเชียนมายังอาณาจักรจ้าว ทุกคนในราชสำนักต่างหวาดกลัว แม้ว่านางมาที่นี่เพื่อส่งตัวจ้าวจือหย่ากลับมา แต่การมาของนางทำให้ทั้งอาณาจักรหลู่สั่นสะเทือน

เพื่อที่จะเอาชนะบรรดาแม่ทัพที่มีความสามารถ หลิวเชียนเชียนใช้วิธีการต่างๆ เพื่อยุยงให้เกิดการกบฏ พวกเขายังทำข้อตกลงสัญญายกเว้นให้นางเป็นอัครเสนาบดีหญิง นางยังปฏิเสธ

แม้ว่าหลังจากเสนอข้อเสนอดีๆ ให้จนหมดแล้ว ก็ไม่อาจทำให้หลิวเชียนเชียนคิดกบฏได้ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้วิธีที่ทำให้นางสูญเสียความหวัง โดยกักนางไว้ที่หอหม่านฮวาเพื่อบังคับให้นางยอมจำนน

จ้าวเหวินเซิงตัวสั่น นั่งปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก และพูดการคาดเดาของเขาออกมา

“หากเขาเป็นอ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินจริงๆ ดอกบัวทองคำทั้งเก้าดอกอาจจะไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ความรุ่งเรืองเก้าร้อยปี”

นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหม่าจี่ได้ยินเช่นนี้ เขาถามด้วยความสับสน

“ดอกบัวทั้งเก้าปรากฎขึ้นในตอนนี้แล้ว แต่ไม่ได้หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองเก้าร้อยปี หมายความว่าอย่างไรกัน?”

จ้าวเหวินเซิงกลืนน้ำลายแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเทา

“บางทีการปรากฎตัวของดอกบัวทั้งเก้า อาจเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าปกครองทั้งจิ่วโจวอย่างไรเล่า!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์