เมื่อได้ยินฉินเหยียนพูดว่าจะจัดการแสดงขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ หลิวเชียนเชียนมีความกังวลใจเล็กน้อย
“แต่ยังไม่เลือกคนที่จะแสดงเป็นเหลียงซานป๋อเลยนะเจ้าคะ”
ฉินเหยียนมองไปที่หลิวหรูซือ ลูบคางอย่างครุ่นคิด
“ไม่ได้มีคนที่เหมาะสมอยู่แล้วหรอกหรือ?”
หลิวเชียนเชียนตกใจเล็กน้อย
“นางหรือ? นางเป็นผู้หญิง แสดงเป็นจู้อิงไถยังพอได้”
หลิวหรูซือมีความลังเลใจเล็กน้อย
“นายหญิงหลิว หากบ่าวต้องแสดงเป็นจู้อิงไถ ด้วยสถานะในอาณาจักรหลู่ เกรงว่าตัวตนที่ข้าเป็นผู้หญิงจะถูกเปิดเผยเจ้าค่ะ”
ฉินเหยียนตอบกลับ
“ไม่ต้องแสดงเป็นจู้อิงไถ เจ้าแสดงเป็นเหลียงซานป๋อแทน”
หลิวเชียนเชียนอึ้งไป
“ท่านอ๋อง แต่หลิวหรูซือเป็นผู้หญิงนะเจ้าคะ ให้นางแสดงเป็นเหลียงซานป๋อเกรงว่าคงไม่เหมาะสม”
ฉินเหยียนพูดอย่างจริงจัง
“มีอะไรที่ไม่เหมาะสมอีก ตอนนี้ในอาณาจักรหลู่คิดว่านางเป็นผู้ชาย ไม่มีใครรู้ว่านางเป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งนางมีทั้งความกล้าหาญ แต่ก็มีความอ่อนโยนในตัว แสดงเป็นเหลียงซานป๋อถือว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว”
หลิวเชียนเชียนมองไปที่หลิวหรูซืออีกรอบ เป็นจริงอย่างที่อ๋องเหยียนพูด บุคลิกนางเป็นเช่นนั้นจริงๆ นางพูดชมทันที
“อ๋องเหยียนพูดมีเหตุผลเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าน้อมรับคำสั่งท่าน”
หลิวเชียนเชียนที่ประจบประแจงเจ้านายเก่ง และทำตัวเป็นกิ้งก่าได้ทองกับคนที่ต่ำต้อยกว่า นางหยิบหนังสือเรื่องม่านประเพณีขึ้นมาวางบนตะมอบให้หลิวหรูซือ และออกคำสั่งไม่ให้นางปฏิเสธได้ว่า
“ข้าให้เวลาเจ้าคืนนี้ จำบทละครเรื่องนี้ให้ได้ โดยเฉพาะบทของเหลียงซานป๋อ ห้ามจำผิดแม้แต่ท่อนเดียว”
ฉินเหยียนชื่มชนนางที่ทำงานอย่างพิถีพิถัน
แต่ฉินเหยียนไม่อยากให้หลิวเชียนเชียนกดดันอีกฝ่ายมากจนเกินไป เขาพูดอย่างสบายๆ ว่า
“ไม่ต้องกังวลไป ใช้เวลาอย่างน้อยสามวันในการจัดเวที เจ้าค่อยๆ ซ้อม ไม่ต้องเร่งรีบ”
หลิวเชียนเชียนใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้พูดขึ้นมาว่า
“เจ้าค่ะ ในเมื่อยังพอมีเวลา ข้าสามารถซ้อมการแสดงกับนางอีกสองสามครั้ง และซ้อมอย่างละเอียดอีกที”
ฉินเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย
“เตรียมตัวให้ดีล่ะ”
หลิวเชียนเชียนโค้งคำนับ
“จะไม่ทำให้ท่านอ๋องผิดหวังเพคะ”
นางหันไปหาหลิวหรูซือแล้วพูดว่า
“ยังไม่รีบขอบพระทัยท่านอ๋องอีก!”
หลิวหรูซือรีบยกมือทำความเคารพ
“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”
...
ในช่วงที่จัดเตรียมเวที ฉินเหยียนและคนของเขาก็ไม่ได้อยู่เฉย
หลิวเชียนเชียนซ้อมละครกับหลิวหรูซือทุกเช้า
เฉิงเซินทำตามคำสั่งฉินเหยียน เป็นช่างไม้และเลื่อยไม้ในทุกวัน
หยางจิ่นซิ่วและเซี่ยชิงผลัดการเฝ้ายาม ระวังคนจากราชสำนักหลู่
ฉินเหยียนพาเถาซงจือไปฝึกตีกลองเพื่อเตรียมให้เขาช่วยแก้ไขคำถามสามข้อของจ้าวเหวินเซิง
จ้าวเหวินเซิงถามเสียงเบา
“คนในราชสำนักวางแผนจัดการเฉิงอาหนิวอย่างนั้นหรือ?”
ซือหม่าจี๋ส่ายหน้า
“พวกเข้าไม่กล้าขอรับ”
จ้าวเหวินเซิงขมวดคิ้ว ด้วยนิสัยของฮ่องเต้หลู่ เขาไม่ใช่คนที่นั่งรอความตายฝ่ายเดียวแน่ เขาลองถามออกไป
“เจ้าหมายความอย่างไร หรือว่าท่านผู้อาวุโสปกป้องเฉิงอาหนิว? หรือว่าอาณาจักรหลู่ของเราในอนาคตจะปล่อยให้คนอาณาจักรฉินเป็นฮ่องเต้หรือ?”
ซือหม่าจี๋พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ท่านไม่รู้อะไร โอ้ย ไม่พูดด้วยแล้ว”
ซือหม่าจี๋พูดมาแค่ครึ้งหนึ่ง ทำให้จ้าวเหวินเซิงโกรธและถามว่า
“ข้าไม่รู้อะไร? มีอะไรก็บอกข้ามาสิ บอกข้ามา!”
สีหน้าของซือหม่าจี๋ลำบากใจ แวบหนึ่งเหมือนเขาลังเลที่จพูด แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา
จ้าวเหวินเซิงเองก็ร้อนใจ
“พูดมาสิ มัวแต่อ้ำอึ้งอะไรอยู่ เจ้าพูดให้ข้าเข้าใจมิได้หรือ?”
“นี่เป็นเรื่องร้ายแรง อาณาจักรหลู่กำลังจะถูกเปลี่ยนคนปกครอง เจ้ายังมีเรื่องอะไรที่พูดไม่ได้อีก พูดมาสิ!”
หลังจากที่จ้าวเหวินเซิงพูดโน้มน้าว ในที่สุดซือหม่าจี๋ก็ทนไม่ไหว เขาตบต้นขาอย่างแรงและพูดอย่างลำบากใจว่า
“พูดตามตรง ท่านผู้อาวุโสเดาว่าเฉิงอาหนิวคืออ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉิน!”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
จ้าวเหวินเซิงรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงมาอย่างแรง ผมเขาตั้งชัน สายตาเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...