ฉินเหยียนยืนอยู่กลางลานบ้าน กางแขนทั้งสองข้างและถามออกไปว่า
“เป็นอย่างไร สว่างพอหรือยัง?”
ในลานกว้างมีคนตะโกนออกไปว่า
“นี่เป็นแสงสว่างของเทพเจ้า!”
ทุกคนคุกเข่าลงก้มกราบ
แม้แต่จ้าวเหวินเซิงและซือหม่าจี๋ถึงกับคุกเข่าลงบนพื้น
ไม่ใช่แค่ในลานบ้านเท่านั้น นอกลานบ้านด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่ฉินเหยียนซื้อที่พักแห่งนี้ ที่นี่ก็กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า
พ่อค้าหาบเร่บางคนถือโอกาสตั้งแผงขายของเพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ มีคนจำนวนมากมาที่นี่อย่างต่อเนื่องเพราะชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่
เมื่อประชาชนนั่งหน้าแผงลอน ทั้งกิน ทั้งดื่ม และพูดคุยเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศ จู่ๆ ทั้งลานก็สว่างไสวขึ้นไปบนฟ้า เหมือนช่วงเวลากลางวัน
ทุกคนอึ้งไปในทันที ทั้งตะเกียบและอาหารหล่นลงพื้น
“ท่านเทพ แสงสว่างของเทพเจ้ามาจุติยังโลกนี้แล้ว!”
ประชาชนไม่สนใจอาหารอีกต่อไป พวกเขาทิ้งชามและตะเกียบลง พร้อมกับคุกเข่าลงพื้นเพื่อบูชา
ไม่เพียงแค่นั้น
แม้แต่นักวิชาการในสำนักไป๋ลู่ที่ไม่มีเงินซื้อตะเกียง ยังต้องแอบขโมยแสงไฟจากข้างนอกเพื่ออ่านและเขียนหนังสือ
ทันใดนั้นพวกเขาพลันรู้สึกถึงแสงอันเจิดจ้าพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า สว่างกว่าแสงจันทร์ที่ลอยอยู่ตรงหน้าเสียอีก
ทั้งลานบ้านสว่างสุกใสราวกับกลางวัน
นักวิชาการหลายคนที่หลับใหลถูกแสงสว่างปลุกขึ้น พวกเขาพูดออกมาอย่างงุนงง
“เช้าไวขนาดนี้เชียวหรือ?”
นักวิชาการออกมาตรวจสอบเหตุการณ์ เมื่อพวกเขามองลงมา พวกเขาเห็นว่ามีแสงสว่างส่องจ้ามาจากที่พักของนักปราชญ์จิ่วเหลียน
ลำแสงพุ่งตรงสู้ท่องฟ้ายามค่ำคืน
มีคนอุทานออกมาว่า
“นักปราชญ์จิ่วเหลียนมีพลังวิเศษจริงๆ!”
“เกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นอีกแล้ว!”
...
อีกด้านหนึ่ง
ฉินเหยียนเองก็ไม่สามารถลืมตาขึ้นได้เพราะแสงจ้ามากเกินไป แต่เพื่อเป็นการไว้หน้าเขาเอง เขาจึงต้องอดทน
ในขณะที่ทุกคนกำลังคุกเข่า เขาก็เดินเข้าไปด้านในเหล่ตามองเฉิงเซินที่จ้องไปที่ปุ่มกดอย่างตั้งใจ เขาโกรธมากจนเตะก้นเฉิงเซินและพูดว่า
“ใครให้เจ้าเปิดปุ่มหลัก ข้าให้เจ้ากดเปิดเล็กก็พอ เจ้าทำให้พวกข้าตาบอดหรือ!”
เฉิงเซินที่ถูกเตะก้นเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขากดผิดปุ่ม
“โอ๊ะ กดผิด ขอโทษด้วยขอรับ!”
เขารีบกดปุ่มเล็กและปิดปุ่มใหญ่
เพียงแค่เสียง “ปิ๊บ” แสงสว่างที่ส่องสว่างนั้นก็อ่อนลงมาก
ฉินเหยียนชี้ไปที่เฉิงเซินว่า
“รอข้ากลับมาคิดบัญชีกับเจ้า!”
พูดจบเขาก็เดินออกไป
“ท่านพ่อตา คำตอบครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจหรือไม่ขอรับ?”
จ้าวเหวินเซิงถามออกไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
ฉินเหยียนยิ้มอย่างลึกลับและพูดว่า
“เพียงแค่ท่านยกจ้าวจือหย่าให้ข้า ข้าจะรีบบอกท่านทันที!”
จ้าวเหวินเซิงพลันมีสีหน้าไปม่พอใจด้วยความโกรธ เขาพูดออกมาทันทีว่า
“กฎย่อมเป็นกฎ รอจนกว่าเจ้าจะตอบคำถามข้อสุดท้ายได้!”
ฉินเหยียนพูดอย่างกระตือรือร้น
“ไม่มีปัญหาขอรับ!”
เขาหันกลับมาและประกาศเสียงดังว่า
“สามวันข้างหน้า ข้าจะตอบคำถามข้อสุดท้าย ขอให้ทุกคนได้โปรดเป็นพยานให้ข้าด้วย คำตอบของคำถามที่ว่า คนบินได้!”
ทุกคนต่างพากันตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“พระเจ้า นักปราชญ์จิ่วเหลียนทำให้ทัศนคติทั้งสามของข้าเปลี่ยนไปในทุกครั้ง!”
“หากคนสามารถบินได้ เช่นนั้นนักปราชญ์จิ่วเหลียนไม่เป็นอมตะเลยหรือ?”
“หากข้าได้เห็นปาฏิหาริย์นี้จริงๆ ชีวิตนี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว!”
แต่เดิมคนที่ราชสำนักต่างรู้ว่าเฉิงอาหนิวมาจากอาณาจักรฉิน พวกเขาจึงมีท่าทีไม่สนใจและดูถูกอีกฝ่ายมาโดยตลอด มองว่าเขาเป็นดั่งหอกข้างแคร่และเป็นศัตรูที่ไม่อาจญาติดีกันได้
ตอนนี้หลังจากที่ได้เห็นพลังวิเศษด้วยตาพวกเขาแล้ว ไม่มีใครพูดอะไรอีก พวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัว
พวกเขาได้เปลี่ยนฝั่งในทันที และยอมรับว่าเฉิงอาหนิวเป็นแบบอย่างในใจพวกเขา เทพเจ้าไม่อาจดูถูกได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...