บรรดาแขกในลานบ้านล้วนลิ้มรสอาหารเหล่านี้เป็นครั้งแรก เขาต่างพากันพูดว่า
“อร่อย อร่อยมาก!”
“อาหารเหล่านี้ข้าเคยอ่านเจอแค่ในหนังสือเท่านั้น นี่เป็นอาหารของชาวอาณาจักรฉิน รสชาติดีมาก!”
“อาหารพวกนี้อร่อยมากจริงๆ จานนี้มีชื่อว่าอะไรหรือ?”
หลิวเชียนเชียนอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“จานนี้มีชื่อว่าหมูทอดกรอบ ใช้เนื้อขาหน้าหมูมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกกับแป้งให้เข้ากัน แล้วทอดลงในกระทะทีละชิ้น เมื่อสุกนำมาผัดกับผักอีกรอบ”
บรรดาแขกรับประทานอาหารด้วยความอร่อย หูก็ฟังเพลงอย่างรื่นรมย์ ชื่นชมรสชาติอาหารอันเอร็ดอร่อยของอาณาจักรฉิน
บรรดาผู้หญิงถึงกับบันทึกลงไป กลับบ้านเตรียมตัวลองทำตามวิธีการที่บอก
ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงได้ยินเสียงชื่นชมของทุกคน หน้าดำหน้าแดงด้วยความไม่พอใจ
ฉินเหยียนทำเป็นไม่เห็นและพูดอย่างถ่อมตัว
“คณบดีทั้งสองลองชิมดูเสียก่อน ลองดูว่าอาหารเหล่านี้ถูกปากท่านหรือไม่”
จ้าวเหวินเซิงและซือหม่าจี๋ไม่ต้องการเยินยอเขาในที่สาธารณะ ดังนั้นใช้ตะเกียบคีบอาหารขึ้นมาอย่างไม่พอใจ จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ว่าอาหารอาณาจักรฉินรสชาติดีเพียงใด
แต่ทั้งสองแสดงสีหน้าไม่ค่อยอบ แสร้งทำเป็นพูดว่า
“ก็ไม่เลว แต่ถ้าเทียบกับอาหารของอาณาจักรหลู่ ยังถือว่าอร่อยน้อยกว่าเล็กน้อย”
ฉินเหยียนเป็นนักปราชญ์ที่แสวงหาความสงบ เขาจึงมุ่งตรงไปยังหัวข้อนี้ วางตะเกียบลงแล้วพูดกับจ้าวเหวินเซิงด้วยรอยยิ้มว่า
“คณบดีจ้าว ท่านเห็นแล้วว่าข้าไขปริศนาคำถามข้อแรกอย่างไร ข้อสองข้ากำลังจะไขปัญหา ตอนนี้พวกเราลองมาพิจารณาเงื่อนไขให้ข้าแต่งงานกับลูกสาวของท่านดูเสียหน่อยดีหรือไม่?”
“ท่านวางใจได้ ขอเพียงแค่ท่านพูดออกมา ต่อให้ข้าต้องบุกป่าฝ่าดง ขอเพียงแค่ในโลกนี้มีสิ่งนั้น ข้าจะหามาให้ท่าน หากไม่มี ข้าจะหาทางนำมาให้ท่านจงได้!”
“สรุปแล้ว ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ท่านเสนอเงื่อนไขของท่านมาได้เลย ข้าจะทำให้ท่านพอใจ!”
จ้าวเหวินเซิงไม่ฟังคำโน้มน้ามเขา เขาพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าจะได้แต่งงานกับลูกสาวข้าหรือไม่นั้นเป็นเรื่องหลังจากนี้ เจ้าไขปัญหาสองข้อที่เหลือให้ได้เสียก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
ฉินเหยียนยิ้มอย่างมั่นใจ
“ในเมื่อพูดเช่นนี้ เช่นนั้นข้าขออนุญาตไม่เกรงใจท่านแล้ว!”
เขายืนขึ้นอย่างเคร่งขรึม เดินไปที่ลานบ้านเพื่อนทักทาย
“ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ พวกท่านทุกคนล้วนเป็นตระกูลขุนนางในเมืองไป๋ลู่ ก่อนอื่นเฉิงอาหนิวมายังเมืองไป๋ลู่เป็นครั้งแรก ต้องการทำความรู้จักกับพวกท่าน จึงขอเชิญทุกท่านมาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน”
“ประการที่สอง ข้าอยากแต่งงานกับตระกูลจ้าว ต้องการสู่ขอจ้าวจือหย่า ทุกท่านต่างรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นวันนี้ขอให้ทุกท่านเป็นพยาน ต่อไปนี้ข้าจะไขปัญหาคำถามข้อที่สอง”
ฉินเหยียนปรบมือสองครั้งแล้วสั่งว่า
“ปิดไฟ!”
ก่อนที่แขกทุกคนจะได้ทันตอบโต้ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งวิ่งออกมาจากสวนด้านหลังบ้าน ถือที่ดับเทียนและดับเทียนทุกเล่มในลานบ้าน
“ตา ข้าเจ็บตา!”
“ข้าลืมตาไม่ได้!”
ทุกคนใช้เวลานานกว่าจะคุ้นเคย จากนั้นลืมตาด้วยความมึนงง
จากนั้นถึงจะเห็นว่าทั้งลานกว้างสว่างมาก ไม่ว่าจะเป็นที่ผนังหรือบนพื้นดิน
“นี่ นี่มันตอนกลางวันชัดๆ!”
“สว่างเหมือนช่วงกลางวัน ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“พระเจ้า เป็นไปไม่ได้ นักปราชญ์จิ่วเหลียนนำพระอาทิตย์กลับมาอย่างนั้นหรือ!”
ทุกคนในลานบ้านมองด้วยความไม่เชื่อ ต่างคนต่างอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงอึ้งไปในทันที หากรอบตัวไม่สว่างถึงขนาดนี้ เกรงว่าตอนนี้ตาเขาเบิกกว้างราวกว่าไข่ห่านเสียอีก!
จ้าวเหวินเซิงพึมพำด้วยความไม่เชื่อ
“กลางคืนกลายเป็นกลางวัน เป็นไปได้อย่างไร!”
ซือหม่าจี๋พูดด้วยความมึนงง
“เขาได้แสดงให้เจ้าเห็นกับตาแล้ว หากเจ้าคิดปฏิเสธก็คงไม่ได้แล้วล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...