สำนักศึกษาไป๋ลู่
ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงติดต่อผ่านทุกช่องทางเพื่อให้ได้มาซึ่งหลอดไฟ
นักวิชาการทั่วทั้งสำนักต่างลงมือศึกษา
“นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้กลางคืนสว่างเหมือนกลางวันอย่างนั้นหรือ?”
“ลูกแก้วนี้สวยตรงไหนกัน ดูไม่ออกเลยว่าจะมีอุปกรณ์ใดที่ทำให้มันส่องสว่างได้”
“ข้างในไม่ได้ใสแจ๋ว ออกจะมัวๆ เหตุใดถึงไม่แยกออกมาดูเล่าว่าด้านในมีสิ่งใดอยู่?”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเราใช้ความพยายามอย่างมากให้ได้มันมา หากแกะมันออกมาดูข้างในจะศึกษาอย่างไรเล่า?”
ทุกคนในสำนักต่างหาทางออกไม่ได้ แม้แต่ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเหมือนกัน
ในขระที่ทุกคนกำลังคิดหาทาง เถาซงจือก็เข้ามาหาตามคำสั่งของนักปราชญ์จิ่วเหลียน
เมื่อซือหม่าจี๋เห็นเถาซงจือมา เขาก็รีบปิดปกปิดทันทีว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใด
เถาซงจือถือกล่องมาในมือ แล้วเดินไปหาคณบดีทั้งสอง
“ยินดีที่ได้พบพวกท่านทั้งสองขอรับ”
ซือหม่าจี๋โบกมือปัด
“ทำตัวตามสบาย มีเรื่องอันใดหรือ?”
เถาซงจือตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ตามคำสั่งของท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียน ข้ามีหน้าที่มาสอนพวกท่านถึงความลับที่กลางคืนสว่างเหมือนกลางวันขอรับ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เปิดกล่องในมือที่มีหลอกไฟอยู่เต็มกล่อง
ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงมองหน้ากัน พวกเขาแอบพยายามอย่างเงียบๆ แต่เฉิงอาหนิวกลับส่งกล่องนี้มาให้เขา!
เถาซงจือพูดต่อว่า
“สิ่งนี้เรียกว่าหลอดไฟ ถูกหลินเย้าจู่ที่เป็นหัวหน้ากรมโยธาธิการแห่งอาณาจักรฉินคิดค้นขึ้นมา ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้กลางคืนสว่างเหมือนกลางวันขอรับ”
ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงเองไม่สนใจ เพราะพวกเขาร้อนใจที่อยากจะรู้หลักการของสิ่งนี้เช่นกัน พวกเขาทั้งสองจึงรีบหยิบหลอดไฟออกจากกล่องและแจกจ่ายให้กับนักวิชาการคนอื่นนำไปศึกษา
นักวิชาการถามอย่างร้อนใจว่า
“ไม่ทราบว่าเหตุใดไฟถึงติดหรือ?”
เถาซงจืออธิบาย
“แม้วาหลอดไฟเป็นกุญแจสำคัญทำให้ไฟส่องสว่าง แต่หากมีหลอดไฟเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ไฟติดได้”
“ต้องใช้ควบคู่กับไฟฟ้าเพื่อให้หลอดไฟสว่างขึ้น นี่คือพลังของสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”
ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงงุนงงในทันที
“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคืออะไร?”
เถาซงจือสามารถอธิบายได้แค่สิ่งที่นักปราชญ์จิ่วเหลียนบอกเขาเท่านั้น จริงๆ แล้วเขามีความรู้เรื่องนี้น้อยมาก แต่เพื่อไม่ให้เห็นว่าเขาไม่รู้เรื่อง เขาจึงพูดว่า
“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคือสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ แต่สรุปสั้นๆ คือ เป็นสิ่งที่มีบทบาทอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น”
นักวิชาการถามอีกว่า
ทันใดนั้นสายตาของจ้าวเหวินเซิงเป็นประกาย แม้เขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ไม่อาจเข้าใจได้
ซือหม่าจี๋ถามอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้ามาที่นี่เพื่อบอกวิธีการทำให้กลางคืนสว่างเหมือนกลางวันเป็นเพียงเรื่องบังหน้าเจ้า ความจริงแล้วเจ้าอยากให้พวกเราไปซื้อหลอดไฟที่ร้านค้าต่างหากใช่หรือไม่”
เถาซงจือยิ้มแล้วพูดว่า
“ตามคำสั่งของท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียน ข้ามาที่นี่เพื่อมอบหลอดไฟให้พวกท่าน ท่านจะไปซื้อที่ร้านค้าหรือไม่นั่นเป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจควบคุมท่านได้ แต่นอนว่าพวกท่านามารถศึกษาเรื่องนี้ได้ด้วยตนเอง เช่นนั้นข้าขออนุญาตกลับก่อนขอรับ”
เมื่อบรรลุเป้าหมาย เถาซงจือก็ขอลากลับ
“หลังจากที่เถาซงจือไปแล้ว ซือหม่าจี๋หยิบหลอดไฟขึ้นมาแล้วมองอย่างระแวดระวัง
“ไฟฟ้ามาจากที่ใดกันแน่?”
จ้าวเหวินเซิงเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
“ในเอกสารที่ข้าเคยเห็น ไม่มีบันทึกเรื่องไฟฟ้า”
นักวิชาการเริ่มถกเถียงเรื่องไฟฟ้า
หนึ่งในนั้นมีความคิดว่า
“ท่านคณบดี ไฟฟ้าที่เขาพูดถึงหรือว่าจะเป็นสายฟ้า เหมือนตอนที่ฟ้าผ่า ท้องฟ้ามีแสงสว่างด้วยเช่นกัน!”
ทุกคนได้ยินแนวคิดนี้ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่านี่คือแนวคิดที่น่าเชื่อถือมากที่สุด
ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงคิดว่าแนวคิดนี้ดีเช่นกัน อีกทั้งวันนี้ท้องฟ้ามีเมฆมากและมีฝนตกเล็กน้อยอีกด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...