นักวิชาการคนนั้นรีบยกมือขึ้นแล้วพูดว่า
“คณบดีทั้งสอง ในเมื่อฟ้าอาศเป็นใจ ข้าขอให้ท้องฟ้าเกิดเกิดผ่า ลองดูว่าจะทำให้หลอดไฟสว่างขึ้นได้หรือไม่ขอรับ”
ซือหม่าจี๋และจ้าวเหวินเซิงพยักหน้าตกลง
“ในอาณาจักรหลู่ของพสกเราเต็มไปด้วยคนที่มีพรสวรรค์ อาณาจักรฉินทำได้ เราก็สามารถทำได้ พวกเรามาลองดันดูสักตั้งเถิด!”
“ขอรับ!”
ทุกคนต่างสงสัยและตื่นเต้น จึงเริ่มทำการทดลอง
นักวิชาการคนนั้นหยิบว่าวมาพันรอบๆ หลอดไฟ จากนั้นถือหลอดไฟไว้ที่มือข้างหนึ่ง อีกข้างถือว่าวและวิ่งออกไปตามลม
หลังจากที่ว่าวบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็ค่อยๆ ยืดสายว่าวในมือเพื่อให้ว่าวลอยสูงขึ้น
เมฆดำมืดบนท้องฟ้าลดต่ำลงเรื่อยๆ จากนั้นมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น
สายตาของนักวิชาการทุกคนจับจ้องไปที่นักวิชาการคนนั้น
ในเวลานี้
“ครืน”
ฟ้าร้องดังผสมกับสายฟ้าฟาดใส่ว่าว
“อ้ะ!”
“เพล้ง”
หลอดไฟสว่างขึ้นทันที แต่ก่อนที่จะมีใครได้เห็นหลอดไฟกลับระเบิดจนแตก
ทุกคนต่างพากันตกใจ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อเขารู้สึกตัว เขาเห็นว่าว่าวถูกเผาจะไหม้ นักวิชาการคนที่ถือว่าวล้มลงกับพื้น ร่างเขาไหม้และมีควันลอยขึ้นมา
“รีบไปช่วยเขา!”
หลังจากที่ซือหม่าจี๋ออกคำสั่ง ทุกคนไม่สนใจที่จะศึกษาหลอดไฟอีกต่อไป เขารีบอุ้มคนเจ็บไปหาหมอ
...
ในเวลาเดียวกัน
ราชสำนักอาณาจักรหลู่เองก็ศึกษาเรื่องหลอดไฟเช่นกัน
หลังจากที่ได้ข่าวทั้งหมดจากสายลืบแล้ว ฮ่องเต้หลู่ถึงรู้ว่านี่ไม่ใช่พลังเวทมนตร์แต่เป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่างหาก
แต่แล้วอย่างไรเล่า วิทยาศาสตร์และเทคโลโลยีคืออะไรกัน?
แม้ว่าเขาจะได้คำแนะนำในการใช้หลอดไฟ แต่ทุกคำที่อธิบายในนั้นเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
เขาขมวดคิ้วและถามเสนาบดีในราชสำนักว่า
“ขุนนางทุกท่าน ช่วยศึกษาเรื่องนี้ได้หรือไม่?”
ทุกคนในราชสำนักต่างพากันส่ายหัวและถอนหายใจ
ขุนนางบางคนแนะนำว่า
“กราบทูลรายงานฝ่าบาท เหตุใดถึงไม่ขอท่านผู้อาวุโสอธิบายเรื่องนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้หลู่ตบหน้าผากตัวเองอย่างหมดหนทาง
“ท่านผู้อาวุโสชอบอยู่ตัวคนเดียว คำสั่งเดียวที่ส่งมานั้นคือเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม”
...
สามวันต่อมา
ตระกูลใหญ่ได้รับคำเชิญจากนักปราชญ์จิ่วเหลียนเพื่อขอเชิญเข้าร่วมเป็นพยานในการไขปัญหาข้อสุดท้ายของเขา พวกเขาทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกที่พัก
หลายคนได้ยินว่าวันนี้จะเป็นวันที่ไขปัญหาคนสามารถบินได้ พวกเขาต่างรีบมากันเพื่อรอดู
มีคนจำนวมากรออยู่นอกที่พัก คนเยอะมากจนไม่อาจเดินผ่านไปได้
มีเสียงคาดเดาและถกเถียงกันมากขึ้น
“นักปราชญ์จิ่วเหลียนบินได้อย่างนั้นหรือ? หรือว่านักปราชญ์จิ่วเหลียนจะเป็นอมตะ?”
“ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เขาต้องมีกลอุบายบางอย่างเป็นแน่ เพราะไม่มีทางเลยที่มนุษย์คนหนึ่งจะบินได้”
“นักปราชญ์จิ่วเหลียนได้ทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย อีกทั้งยังสำเร็จได้เพียงแค่ดีดนิ้ว ข้าคิดว่าหากเขาต้องบินก็ไม่น่าเป็นปัญหา!”
เสียงพูดคุยดังขึ้นเรื่อยๆ มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอ
“โอ้โห! เขานี่เอง!”
ผู้หญิงคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ทำให้บรรดาฝูงชนมองไปตามเสียง
ที่แท้ก็เป็นหลิวหรูซือที่แต่งกายด้วยชุดคลุมสีขาว นางก้าวลงมาจากรถม้า ทำให้ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งตะโกนเรียกนาง
“คุณชายหลิวช่างสง่างามทุกท่วงท่าจริงๆ!”
“ท่าทางที่ไม่ธรรมดา ช่างสง่างามจนข้าไม่อาจละสายตาได้”
สายตาของบรรดาผู้หญิงที่จับจ้องไปยังหลิวหรูซือเต็มไปด้วยความชื่นชม ทำให้ผู้ชายรอบข้างไม่พอใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...