อีกด้านหนึ่ง
ตระกูลขุนนางในอาณาจักรหลู่และประชาชนทั่วไป รู้ว่านักปราชญ์จิ่วเหลียนตั้งใจแน่วแน่ที่จะแต่งงานกับจ้าวจือหย่า ทำให้ทุกคนไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ที่นักปราญ์จิ่วเหลียนทำไปทั้งหมดนั้นเพื่อให้ได้แต่งงานกับจ้าวจือหย่าลูกสาวของจ้าวเหวินเซิง ไม่ได้ทำไปเพื่อต้องการเป็นฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหลู่ เช่นนั้นอาณาจักรหลู่ถึงเวลาเสื่อมถอยแล้ว!”
“ลูกสาวของตระกูลจ้าวต้องมีคาถาอาคมเป็นแน่ มิฉะนั้นนักปราชญ์จิ่วเหลียนจะยืนกรานแต่งงานกับนางได้อย่างไร!”
“เราต้องห้ามนักปราชญ์จิ่วเหลียน อย่าให้เขาหลงทาง ห้ามให้พวกเขาแต่งงานกัน!”
ประชาชนทั่วไปและตระกูลขุนนางต่างรีบมาที่สำนักศึกษาไป๋ลู่และที่พักของเฉิงอาหนิว
บางคนถึงกับถือป้ายอยู่ด้านนอกที่พักและตะโกนเสียงดัง
“ท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียน อย่าได้ถูกตระกูลจ้าวหลอกเลย แต่งเข้าตระกูลเจ้า สถานะของท่านในอาราจักรหลู่จะต่ำต้อย อนาคตของท่านจะถูกจำกัด ๆได้โปรดอย่าทำลายเส้นทางนี้เลย!”
“ท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียนได้โปรดคิดให้ดี! ลูกสาวตระกูลจ้าวไม่คู่ควรกับท่าน!”
“พวกเราสนับสนุนท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียนในฐานะฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งอาณาจักรหลู่ และขอให้ท่านยุติการหมั้นหมายกับตระกูลจ้าวด้วย!”
เสียงของประชาชนดังขึ้นมาทีละคน แต่ฉินเหยียนกลับไม่สนใจราวกับคนหูหนวก
เฉิงเซินรายงานว่า
“องค์ชาย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ท่านให้ความสนใจหน่อยดีหรือไม่ขอรับ?”
ฉินเหยียนโบกมือและพูดอย่างเฉยเมย
“พวกเขาอยากโวยวายก็ให้ทำไป ข้าแต่งงานไม่ใช่พวกเขาเสียหน่อย จะมาเดือดร้อนอะไรด้วย”
“ข้าจะรีบแก้ไขจดหมายและส่งนกพิราบไปในทันที สินสอดทองหมั้นเป็นไปตามแบบอาณาจักรฉิน!”
“ขอรับ”
เฉิงเซินรับคำสั่งและออกไปจัดการทันที
ฉินเหยียนได้ยินเสียงข้างนอก จึงถามออกไปอย่างสบายๆว่า
“เถาซงจือ อาณาจักรหลู่ของพวกเจ้าเป็นโรคอะไรกันหรือ ข้าจะแต่งงานเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย พวกเขาจะโวยวายไปเพื่ออะไรกัน?”
เถาซงจือมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยและพูดตะกุกตะกัก
“ท่านนักปราชญ์ ท่านไม่รู้อะไรเสียแล้ว ในอาณาจักรหลู่ประชาชนถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ ผู้ชายอยู่เหนือผู้หญิงมาโดยตลอด สถานะลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงนั้นแย่มาก เทียบเท่ากับคนที่อยู่ในระดับแปด สูงกว่าขอทานระดับเก้าอยู่อันดับเดียวเท่านั้น”
“ท่านนักปราชญ์จิ่วเหลียนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พรสวรรค์และความสามารถของท่านนั้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน ดังนั้นคนโง่เหล่านี้ทำเพื่อประโยชน์ของท่าน หวังว่าท่านจะทำพาอาณาจักรหลู่ไปสู่ความรุ่งโรจน์ขอรับ”
ฉินเหยียนรู้สึกดูแคลนเป็นอย่างมาก พูดว่า
คนจากตระกูลขุนนางเองก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อโน้มน้าวเขา
“ท่านนักปราชญ์ ขอเพียงแค่ท่านไม่แต่งงานกับจ้าวจือหย่า ท่านไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ขอเพียงแค่พยักหน้าพวกเราสามารถเลือกท่านเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ในทันที!”
“ใช่แล้วท่านนักปราชญ์ หากท่านเป็นขุนนางในอาณาจักรหลู่ ไม่ต้องพูดถึงจ้าวจือหย่า ผู้หญิงแบบใดท่านก็หาได้มิใช่หรือ?”
“ขอเพียงแค่ท่านไม่แต่งงานกับจ้าวจือหย่า ในอาณาจักรหลู่ท่านสามารถเลือกหญิงคนใดก็ได้!”
สีหน้าของฉินเหยียนพลันแปรเปลี่ยนเป็นเฉยชา เขาพูดด้วยสายตาเฉียบคมว่า
“คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วยคือคนที่งามที่สุดในใต้หล้านี้ นอกนั้นล้วนหน้าตาไม่ดีและหยาบคาย ข้าไม่สนใจพวกนาง!”
คำพูดเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจอย่างมาก ผู้หญิงแปดเปื้อนอย่างจ้าวจือหย่าสวยที่สุดในใต้หล้านี้ได้อย่างไรกัน?
ประเด็นนี้หมายความอย่างไรกันแน่?
ชายชราคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วพูดว่า
“เจ้าตาบอดหรือ จ้าวจือหย่าเป็นเพียงหญิงตกอับ สถานะของเจ้าตอนนี้กับจ้าวจือหย่าที่เป็นเพียงหญิงแปดเปื้อนนั้นไม่คู่ควรกันสักนิด”
“ขอเพียงแค่เจ้าเป็นฮ่องเต้แห่งอาณาจักรหลู่ ผู้หญิงก็เหมือนเสื้อผ้ามิใช่หรือ ท่านสามารถเปลี่ยนได้ตามชอบใจ สถานะเท่านัน้ที่เป็นอำนาจ ในฐานะลูกผู้ชายควรไปให้ถึงจุดสูงสุด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...